ใกล้ถึงวันฮาโลวีน (Halloween) หรือวันที่ระลึกถึงนักบุญทุกพระองค์ในศาสนาคริสต์ แต่ในปัจจุบันวันฮาโลวีนเป็นเทศกาลที่ว่ากันว่าเป็นวันปลดปล่อยภูตผีปีศาจ โดยจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งการแต่งตัวเป็นผีปีศลไปตามสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงการประบ้านด้วย Jack O’lantern หรือตะเกียงที่ทำจากฟักทองแกะสลักเป็นหน้าปีศาจ รวมถึงการละเล่น Trick or Treat ที่เด็กๆ จะแต่งตัวเป็นผีไปขอขนมจากทุกบ้าน ที่สำคัญวันฮาโลวีนยังมีอีกกิจกรรมที่มักจะนิยมกัน คือ การไปเที่ยวชม “บ้านผีสิง”
ซึ่งบ้านผีสิงได้ถูกทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยนักท่องเที่ยวชี้ว่าบ้านผีสิงช่วยให้หลีกหนีความซ้ำซากจำเจ เป็นหนึ่งในรูปแบบการผจญภัยที่ยังไม่เคยลองมาก่อน โดยจากการสำรวจของ Booking.com ยังพบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 68% มองว่าการเที่ยวบ้านผีสิงเป็นการค้นพบที่เร้าใจและน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะการได้เข้าพักในสถานที่ที่เรียกว่าบ้านผีสิงตลอดค่ำคืน
ซึ่งจากการรีวิวของนักท่องเที่ยวทำให้พบว่า “บ้านผีสิง” ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปพักได้มี 5 สถานที่ที่เรียกได้ว่า “หลอนสุดๆ” มีตั้งแต่ปราสาทท่านเคาน์ในยุคกลางสุดคลาสสิคที่แม้แต่ตอนกลางวัน ยังทำให้หลายคนเสียวสันหลังวาบได้ ไปจนถึงคุกโบราณที่ถูกแปลงสภาพจนกลายเป็น Hostel ผีสิงที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวต้องอดหลับอดนอนทั้งคืน Booking.com เลยขอท้าคนกล้า ถ้าแน่จริงลองไปนอนพักไปเที่ยวกันดู
HI – Ottawa Jail Hostel เมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา
โฮสเทลแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นคุกที่รู้จักกันในนาม Nicholas Street Gaol หรือ คุกออตตาวา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงออตตาวา ว่ากันว่าคุกแห่งนี้ถูกใช้ประหารนักโทษเด็ดขาดไปแล้วมากมาย บางรายก็ต้องเสียชีวิตลงในห้องขัง แม้ว่าคุกแห่งนี้จะถูกปลดระวางและยกเลิกการเป็นคุก จนมีการ Renovate ใหม่และปรับปรุงให้กลายเป็น Hostel จนอาจไม่เหลือเค้าของความเป็นคุกโบราณ
คุกเก่าที่ใช้ประหารนักโทษถูกแปลงสภาพให้กลายเป็น Hostel
แต่ที่นี่ก็ยังมีประตูไม้โบราณที่ถูกใช้งานสมัยที่คุกออตตาวายังหนาแน่นไปด้วยนักโทษจำนวนมาก ผู้ที่มาพักต่างต้องได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าขนลุกและเสียงลึกลับไม่รู้ที่มาที่มักเกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการปรากฎตัวของ Patrick J. Whelan นักโทษชาวไอริชที่ถูกประหารชีวิตที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องจดจำแบบลืมไม่ได้ ยิ่งถ้าได้นอนที่นี่เพียงลำพังด้วยแล้ว รับรองมีหลอนผวาทั้งคืน
1886 Crescent Hotel and Spa – รัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา
โรงแรมที่มีประวัติมายาวนาน แต่เดิมนั้นเคยเป็นที่รู้จักในฐานะรีสอร์ทสุดหรูในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนที่ขายต่อเพราะไม่ได้รับความนิยม ด้วยความหรูหราและคลาสสิกของอาคาร ทำให้ในเวลาต่อมากลายเป็นวิทยาลัยและโรงเรียนดนตรีสำหรับสตรี แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมจึงถูกขายต่ออีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้กลายเป็นโรงพยาบาลและคลินิกสุขภาพของ Norman Baker ผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นหมอรักษาโรค
ตำนานของอาคารที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงพยาบาล แต่ไม่ใช่หมอที่เป็นคนรักษา
ความน่าสะพรึงกลัวเริ่มขึ้นที่ตรงนี้ เมื่อผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบผิดๆ มีอันต้องทิ้งชีวิตลงที่นี่เป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลก็ถูกขายต่อกลับมาเป็นโรงแรมอีกครั้ง พร้อมด้วยการ Renovate ใหม่ แต่ก็มีคนงานก่อสร้างเสียชีวิตลงไปมากมาย จนกลายมาเป็นโรงแรมในปัจจุบันนี้ ผู้ที่มาพักหลายรายมักจะได้ยินร้องทรมานด้วยอาการเจ็บป่วย ที่สำคัญโรงแรมยังเก็บบางส่วนของบรรยากาศโรงพยาบาลไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงสิ่งลี้ลับภายในโรงแรมอีกด้วย
Q Station – เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
Q Station ชื่อนี้ไม่ใช่ได้มาเพื่อความเท่ หากแต่ Q ย่อมาจาก Quarantine หรือแปลว่า “กักกัน” นั่นเพราะ Q Station แห่งนี้ในอดีตที่ออสเตรเลียยังเป็นดินแดนของผู้อพยพ ด้วยสภาพความเป็นเกาะปิดผู้อพยพที่มาใหม่จะถูกกักกันไว้ที่แห่งนี้เป็นเวลา 40 วัน เพื่อดูอาการโดยเฉพาะไข้ทรพิษ อหิวาตกโรค และกาฬโรค ก่อนจะปิดสถานที่แห่งนี้ในฐานะสถานที่กักันในปี 1972
สถานที่กักกันโรคของผู้อพยพใหม่ ก่อนกลายเป็นรีสอร์ทสุดสวย
คงไม่ต้องบอกว่าสถานที่แห่งนี้จะมีผู้ที่ป่วยและเสียชีวิตลงมากมายเพียงใด เพราะคนที่ไม่ป่วยเมื่อถูกกักกันที่นี่ยังไงก็ต้องป่วยตายไปด้วยเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบัน Q Station จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมที่สวยงามไร้ซึ่งร่องรอยความน่าเศรา้ในอดีต แต่คนพื้นที่ก็รู้กันว่า Q Station เป็นจุดที่เฮี้ยนที่สุดในออสเตรเลีย เวลาไปพักที่นี่นอกจากจะได้ยินเสียงคลื่นซัดหาดแล้ว ยังอาจจะได้ยินเสียงร้องของความช่วยเหลือเพิ่มมาอีกก็เป็นได้
Island of Dolls – เมืองแม็กซิโกซิตี้ ประเทศแม็กซิโก
สถานที่ผีสิงอาจไม่จำเป็นต้องเป็นที่โรงแรมก็ได้ เพราะที่แม็กซิโกก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่าชวนขนหัวลุกก็เป็นได้ โดยเฉพาะที่ Island of Dolls หรือ Isla de las Munecas ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง ด้วยสภาพของเกาะที่ที่ตุ๊กตาห้อยเป็นจำนวนมากทั้งที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และอยู่ในสภาพที่ดูน่าขนลุก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นตุ๊กตามากมายห้อยอยู่ตามต้นไม้และสถานที่ต่างๆ บนเกาะ
สถานที่ท่องเที่ยวที่แม้ไม่มีตำนานน่าขนหัวลุก ก็สยองขวัญด้วยสภาพและปริมาณขอตุ๊กตา
ว่ากันว่า ดอน จูเลียน ซานตานา (Don Julián Santana) ทิ้งลูกเมียมาเริ่มต้นชีวิตที่เกาะแห่งนี้ จนกระทั่งพบศพหญิงสาวคนหนึ่งจมน้ำตายท่ามกลางดอกบัวในลำคลอง และเขาก็ถูกผีหญิงสาวตามหลอกหลอน ซึ่งเขาจะได้เสียงหญิงสาวถามหาตุ๊กตาของเธอ ซานตานาจึงเริ่มค้นหาตุ๊กตาและนำไปแขวนในที่ต่างๆ เพื่อให้ผีหญิงสาวนั้นสงบลง แต่ก็ไม่เคยสงบลงจริง ตลอดเวลากว่า 50 ปี ซานตานาค้นหาตุ๊กตาและนำไปห้อยในสถานที่ต่างๆ จนกระทั่ววาระสุดท้ายของเขา แต่น่าแปลกที่ซานตานาเสียชีวิตในจุดเดียวกับที่พบศพหญิงสาวรายนั้น ถึงจะไม่ใช่โรงแรม แต่ถ้าได้ไปนอนโรงแรมที่อยู่ใกล้เกาะแห่งนั้นรับรองได้ว่ามีสยองแน่นอน
Hotel Paris – เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
เมืองฟลอเรนซ์ หนึ่งในเมืองสุดโรแมนติกในประเทศอิตาลีที่หลายคนอยากเดินทางมาเที่ยวกับคนรัก แต่ความโรแมนติกใช่ว่าจะปราศจากซึ่งเรื่องราวน่าขนลุก โดยเฉพาะกับเมืองที่มีอายุยาวนานผ่านกาลเวลาอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ตำนานภูตผีที่เกี่ยวกับความรักจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับเมืองแห่งนี้ และเรื่องราวของ Bianca Capello สุภาพสตรีสูงศักดิ์ชาวเวนิสก็เป็นหนึ่งในเรื่องขนหัวลุกที่ชาวเมืองฟลอเรนซ์ร่ำลือกัน
ตำนานความรักของสาวชนชั้นสูงที่ลักลอบพบกัน จนทุกวันนี้ยังออกตามหาผู้เป็นสามี
โดย Bianca Capello นั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือจากรูปโฉมที่งดงาม ซึ่งแอบแต่งงานอย่างลับๆ กับ Francesco I de’ Medici แกรนด์ดยุกแห่งทัสกานี หลังจากที่คบหาดูใจกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งการแต่งงานอย่างลับๆ แสดงว่าต้องมีเรื่องปิดบังไว้ เพราะในเดือนตุลาคมปี 1587 ทั้งคู่ก็เสียชีวิตลงอย่างปริศนาโดยคาดว่าจะถูกวางยาพิษ สำหรับจุดที่ทั้งคู่นัดพบกัน เมื่อกาลเวลาผ่านไปวังนั้นกลายสภาพมาเป็น Hotel Paris แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวได้พบเห็นกับ Bianca Capello ที่ยังคงปรากฎตัวตามห้องโถงต่างๆ เพื่อคอยมองหาท่านแกรนด์ดยุกผู้เป็นสามี
เรียกว่าเป็นหนึ่งจุดขายของโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่นำเรื่องสยองขวัญสั่นประสาทมาเป็นจุดขาย ยิ่งในช่วงฮาโลวีนที่ถือเป็นช่วง High Season ของสถานที่เหล่านี้ จุดขายด้านความน่ากลัวของเหล่าภูตผีวิญญาณคงจะออกมากันเป็นระยะ ที่สำคัญหลายแห่งในประเทศไทยก็มีตำนานเรื่องเล่าความน่ากลัว ยิ่งถ้าเป็นสถานที่ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ รับรองมีหลอนแน่นอน
