จากที่เคยเป็นดาวเด่นของวงการการจ้างงาน แต่มาวันนี้บริษํท Big Tech หลายต่อหลายบริษัทต่างตกอยู่ในภาวะการเลย์ออฟครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงทิศทางในอนาคตว่า มันจะไปรอดได้หรือไม่ (อ่านเพิ่มเติม)
บีบีซี เข้าไปพูดคุยกับพนักงาน Big Tech รายหนึ่ง Michael ว่าเขาเผชิญกับการเลย์ออฟอย่างไร สำหรับ Michael เขาทำงานในบริษัท Big Tech มาตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2021 เขาเข้าทดสอบตัวเองกับวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีความคิดว่าถ้าจะทำงานสักอย่างก็ต้องเป็นโปรเจ็คต์ที่ดีที่สุด เพื่อสร้างแบรนด์วาลูให้ตัวเองในฐานะคนๆ หนึ่ง Michael เล่าต่อว่า เขาได้ทำงานที่ท้าทายกับคนเก่งมากมาย พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ แถมเขายังมีสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น อาหารฟรี ค่ารักษาพยาบาล และประกันสุขภาพ และผู้คนที่ทำงานด้วยล้วนเต็มไปด้วยคนที่น่าทึ่งทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
แต่แล้วสัญญาณแรกก็เริ่มขึ้น ในช่วงมีนาคม 2022 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ไม่นานนักก็เริ่มมีการประกาศตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ทยอยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น บริการซักรีดฟรีถูกนําออกไป หรือการตัดเวลาอาหารค่ำของคนที่ทำงานช่วงดึก ซึ่งขัดแย้งกับรถรับส่งฟรีเที่ยวสุดท้ายที่มีกําหนดออกจากวิทยาเขตนิวยอร์ก พนักงานต้องเลือกระหว่างอาหารฟรีและนั่งรถกลับบ้านฟรี ซึ่งมีหลายคนไม่ค่อยพอใจกับการลดสิทธิพิเศษในส่วนนี้ และหนึ่งเดือนต่อจากการลดสิทธิพเศษต่างๆ หรือลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ไม่นานก็ตามมาด้วยการตัดลดจำนวนคน! และ Michael ก็เป็นหนึ่งใน 11,000 คนที่ถูกให้ออก เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่ามกลางการชะลอตัวของเทคโนโลยีในวงกว้างและการปลดพนักงานทั่วทั้งอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในบริษัท Big Tech แล้วเขาก็ยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทชั้นนำหรือที่เรียกว่า FAANG อยู่ดี
(“FAANG” อ้างอิงถึงหุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกันที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงสุด 5 แห่ง ประกอบด้วย Facebook (FB) Amazon (AMZN) Apple (AAPL) Netflix (NFLX) และ Alphabet (GOOG – เดิมชื่อ Google) บริษัททั้ง 5 ยังถือเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าตลาดรวมกันมากกว่า 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
เป็นที่ทราบดีว่า บทบาทด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้เล่นรายใหญ่เช่น Meta, Alphabet และ Amazon มักถูกพิจารณาว่าเป็นงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก โดยเสนอเงินเดือน 6 หลักให้กับผู้สมัครสิทธิพิเศษที่ฟุ่มเฟือยและโอกาสในการอยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรม แต่ทว่า นับแต่ฤดูร้อนปี 2022 บริษัท Big Tech เหล่านี้ก็เริ่มทยอยมีข่าวการปลดพนักงานออก พร้อมกับความไม่แน่นอนในสายงาน ในบางกรณีผู้นำยังสกัดการทำงานแบบรีโมทเวิร์คกิ้งอีกด้วย ทำให้ต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศพร้อมกับประเด็นเรื่องความหย่อนหยานที่ต้องสร้างระเบียบวินัยเพิ่มขึ้น
ปัญหาที่รุมกันเข้ามา หลายคนยังมองว่าการฟื้นตัวของ Big Tech ยังอีกยาวไกล ทั้งนี้ จากเครื่องมือการติดตามอุตสาหกรรม Layoffs.fyi เปิดเผยว่า พนักงาน 23,670 คน ถูกเลิกจ้างในบริษัทเทคโนโลยี 85 แห่งในเดือนมกราคม 2024 เพียงเดือนเดียว ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Amazon, eBay และ Google นั่นหมายความว่าคนงานบางคนเริ่มหางานนอกภาคส่วนที่พวกเขาเคยแข่งขันกันทํางาน
บริษัท Big Tech สถานที่ทำงานแสนน่าอยู่ ?
“สภาพการณ์ก่อนปัญหาเลย์ออฟ ก็ต้องบอกว่าบรรดาบริษัทเทคฯคอมพานีทั้งหลาย โด่งดังมากเรื่องสวัสดิการสุดคูล ในด้านวัฒนธรรมในที่ทำงาน การให้บริการพนักงานด้านสวัสดิการฟรีและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมในสำนักงานที่แสนทันสมัย ตั้งแต่เชฟกูร์เมต์ หรือห้องทำสมาธิ ห้องนวดตัว ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดให้พนักงานเข้ามายังออฟฟิศหรือทำให้อยู่ได้นานที่สุด แต่สิ่งเหล่านี้คือแรงดึงดูดที่จะดึงคนที่มีความสามารถมาร่วมงานได้” Scott Dobroski ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพของ Indeed ในซานฟรานซิสโก ให้ความเห็นและยังบอกว่า แต่สิ่งนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วหลัง Pandemic เพราะทำให้เกิดสภาะเศรษฐกิจหยุดชะงัก โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2022 อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ควบคุมการเติบโตของบริษัท ในระยะแรกสิ่งนี้นําไปสู่การหยุดการจ้างงาน ตามมาด้วยการปลดพนักงานทั่วทั้งอุตสาหกรรมในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งยังคงดําเนินต่อไป เรียกได้ว่าโควิดคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวิถีในหลายๆ บริษัท จากการออกตัวแรรงไปในปี 2021 บริษัท Big Tech เหล่านี้ต้องถอนตัวในการสรรหาบุคลากรผ่านวิถีแบบนี้อย่างกะทันหันเลย
และนับจากช่วงเวลาดังกล่าว พบว่ากลุ่มบริษัทเทคโนโลยีได้รับความสนใจจากคนทำงานลดลงมาก อ้างอิงข้อมูลโดย Indeed’s Best Jobs ปี 2024 ไม่ว่าจากเงินเดือนที่ไม่ดึงดูดพอ ความยืดหยุ่นการทำงาน และการเติบโต มีเพียง 3 ใน 25 อันดับแรกเท่านั้น ที่มีบทบาทด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับ 11 บทบาทในปี 2023
อีกจุดที่ Dobroski ให้ข้อสังเกตคือ “ในขณะที่งานด้านเทคโนโลยียังคงได้รับเงินเดือนสูงและเสนอการทํางานที่ยืดหยุ่นในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็ลดลงอย่างมากในแง่ของการเติบโต” เป็นเรื่องธรรมดาที่คนหางานมักจะต้องการทำงานในบริษัทที่กำลังเฟื่องฟู และทำให้พวกเขารู้สึกว่าสามารถเติบโตได้ แต่เมื่อสถานการณ์การปลดงานเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่จะลดโอกาสในการย้ายงานในตลาดงานแต่ยังทำลายชื่อเสียงของบริษัทเทคโนโลยีลงด้วย เพราะมันส่งสัญญาณถึงความไม่แน่นอนของธุรกิจ
พนักงานอีกรายของ Big Tech เปิดใจกับ BBC โดย Alessandra ทํางานให้กับบริษัทเทคโนโลยีบล็อกเชนในลอนดอน เธอบอกว่าเธอเลือกทำงานสายเทคโนโลยี เมื่อก้าวเข้าสู่สํานักงานใหญ่ของบริษัทครั้งแรกในฐานะนักศึกษาฝึกงาน เธอก็สัมผัสได้ถึงความน่าทึ่งของออฟฟิศ “ฉันรู้สึกทึ่งกับสํานักงาน มันทําให้รู้สึกราวกับว่าเทคโนโลยีเป็นสถานที่ที่ควรอยู่ มีทั้งไวบ์ของความรวดเร็วและอินโนเวชั่นที่โดดเด่น ราวกับเธอสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่บนโลกได้
แต่อย่างไรก็ตาม Alessandra ก็เช่นเดียวกับคนที่ทำงานในบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เธอก็ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเทคโนโลยีเช่นกัน ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023 หนึ่งในโปรดักส์บล็อกเชนถูกปิดตัว การปลดพนักงานดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ทีมของเธอถูกลดจำนวนลงถึง 5 เท่า พนักงานได้รับคำสั่งให้เข้าสำนักงานอาทิตย์ละ 3 วันต่อสัปดาห์ ตลาดแรงงานเริ่มสั่นคลอน โดยเฉพาะตอนนี้ที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น คนเริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หลายบริษัทเริ่มหวั่นไหวไม่รู้ว่าอะไรที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้หรือควรจะไปในทิศทางใด “ฉันไม่รู้สึกถึงแรงบันดาลใจหรือความว้าว อีกต่อไป เหมือนกับที่เคยรู้สึกในครั้งแรกที่เข้าสำนักงาน”
วันแห่งความรุ่งโรจน์จะกลับมา?
อย่างไรก็ตาม Dobroski เชื่อว่าความตื่นเต้นของบริษัทเทคโนโลยี จะกลับมาก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ การปลดพนักงานจะสิ้นสุดล งและบริษัท ต่างๆ จะเริ่มกลับมาจ้างงานมากขึ้น ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสได้อยู่ในงานด้านเทคโนโลยี เช่น ทีมพัฒนา AI ที่เป็นที่ต้องการทั้งในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและกลุ่มสตาร์ทอัป
แม้แต่ Michael เอง เขาก็ยังเชื่อว่า บริษัทเทคโนโลยีจะกลับมารุ่งอีกครั้งเพราะเขามองว่าคนที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยียังคงสำคัญและยังขาดตลาดอยู่จำนวนมาก
ในขณะที่เทคโนโลยีมีความจำเป็นต้องการพัฒนาเศรษฐกิจและธุรกิจ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ตลาดโลกต้องการ ทว่า สวนทางกับการจ้างงาน บริษัทเทคโนโลยีมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง สะท้อนผ่านการการชะลอการจ้างงานและการปลดพนักงาน ดังนั้น น่าจับตาต่อไปว่า อนาคตบริษัทเทคโนโลยีจะยังคงเซ็กซี่สำหรับคนทำงานอยู่หรือไม่ รวมถึงทิศทางต่อไปว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว บริษัทเทคฯ คอมพานีจะกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้งหรือไม่.
หมายเหตุ
ทาง BBC ได้ปกปิดนามสกุลของ Michael และ Alessandra เอาไว้เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
Source
https://www.bbc.com/worklife/article/20240207-big-tech-layoffs-perks-cuts