Amazon ซื้อกิจการ Whole Foods Market มูลค่า 13,700 ล้านเหรียญฯ จับตาการผนึก Online-Offline

ดูท่าว่า Amazonจะไม่ต้องการแค่เป็นเจ้าตลาด E-commerce เท่านั้น เมื่อล่าสุดมีรายงานข่าวว่า Amazon ตัดสินใจซื้อกิจการ Whole Foods Market เชนฟู้ดรีเทลรายใหญ่ ซึ่งจำหน่ายสินค้าออแกนิค ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และอาหารสดรายใหญ่ ด้วยมูลค่าสูงถึง 13,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า 465,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ Amazon ทำให้ทั่วโลกฮือฮาด้วยการเปิดตัวร้านค้าปลีกสุดไฮเทค ได้แก่ Amazon Go ทำให้เราจินตนาการถึงโลกอนาคตของการจับจ่ายสินค้า และกับการตัดสินใจซื้อกิจการครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยดีลดังกล่าวมีมูลค่าตกลงซื้อขายอยู่ที่ 42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น สูงกว่าราคาที่ตลาดหุ้นซื้อขายกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาถึง 27%

ตัวแทน Amazon ระบุว่า ร้านค้าต่างๆ ของ Whole Foods จะยังคงเปิดกิจการตามปกติโดยใช้ชื่อเดิม โดยให้ John Mackey ซีอีโอ Whole Foods ดำรงตำแหน่งผู้นำของ Whole Foods ต่อไป รวมทั้งสำนักงานใหญ่ยังคงอยู่ที่เดิมได้แก่ ออสติน เท็กซัส

ทั้งนี้ ดีลนี้ยังแสดงให้เห็นว่า Amazon สนใจที่จะเข้าสู่การทำธุรกิจในรูปแบบดั้งเดิม หรือที่เรียกว่า brick-and-mortar (ธุรกิจที่มีหน้าร้านและมีสถานที่ตั้งที่ลูกค้านั้นจะสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้) แม้ว่าธุรกิจประเภทนี้จะถูกลดถอนลงไปจากการเติบโตของ Amazon เองก็ตาม จนทำให้หลายๆ ร้านรีเทล์ต้องปิดตัวลง รวมไปถึงธุรกิจแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งก็ดำเนินธุรกิจด้วยความยากลำบาก เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้นจาก Amazon ดังเช่น Walmart

ด้าน Jeff Bezos ซีอีโอแห่ง Amazon กล่าวถึงดีลนี้ว่า ผู้บริโภคมากมายรักแบรนด์ Whole Foods เพราะเป็นเชนค้าปลีกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารออแกนิคคุณภาพดี ที่ทำให้ผู้บริโภคสนุกกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพได้

ส่วน Jeff Bezos ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Amazon ระบุว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มาจากค้าปลีกรายนี้มีประวัติกว่า 40 ปี เน้นจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน

สำหรับ Whole Food Markets ก่อตั้งในปี 1978 ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ปัจจุบันมีสาขา 460 แห่งในสหรัฐ แคนาดา สหราชอาณาจักร มีพนักงานประมาณ 87,000 คน และมียอดขายต่อปี 16 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดการณ์กันว่า การเข้าซื้อครั้งนี้ของ Amazon ก็น่าจะเป็นอีกวิธีที่ทำให้บริการ Amazon Fresh หรือการส่งอาหารสด ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยต่อยอดธุรกิจได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ และอาจจะกลายเป็น Omni-Channel ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดก็เป็นได้.

ที่มา money.cnn.com reuters.com nytimes.com