พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปกับการก้าวเข้าสู่ “ดิจิทัลไลฟ์สไตล์” อย่างเต็มตัวดังเช่นทุกวันนี้ ถือเป็นสิ่งกระตุ้นหลักให้กับนักการตลาดและนักโฆษณาที่จำต้องปรับทิศทาง กลยุทธ์ และปรับตัวให้ทันกับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค โดยเฉพาะสื่อดิจิทัลที่ปัจจุบันถือเป็นสื่อที่มีหลายช่องทางในการนำเสนอเนื้อหา และหลายช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภค และถือเป็นสื่อที่มีความซับซ้อนมากกว่าสื่อทั่วไป เพราะนอกจากช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคแล้ว ยังมีเครื่องมือชี้วัดผลการโฆษณา และเครื่องมือมากมายเพื่อใช้สำหรับการบริหารจัดการสื่อดิจิทัล รวมถึงเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจจับทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากแบรนด์ใดไม่ปรับตัว ก็จะเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ และจะกลายเป็นแบรนด์ล้าหลังที่ไม่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้
ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคผ่านระบบการตลาดแบบเครือข่าย เอมสตาร์ เน็ตเวิร์ค (Aimstar Network) มองเห็นถึงความสำคัญถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนยุคปัจจุบัน และเข้าใจสื่อดิจิทัล คือสื่อหลักที่ผู้บริโภคนึกถึงและเสพเป็นสิ่งแรกในเวลาตื่นนอน และสิ่งสุดท้ายก่อนเข้านอน นอกจากนี้เอมสตาร์ยังเข้าใจถึง Customer Journey ที่เปลี่ยนไปของคนยุคนี้ ที่มีการทำความรู้จัก วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และดูรีวิวสินค้าและบริการบนสื่อออนไลน์ ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ทำให้เอมสตาร์ ตระหนักถึงความสำคัญของสื่อนี้ ประกอบกับข้อมูลจากผลวิจัยการใช้ Brand Social Listening ของเดือน มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมาพบว่า พฤติกรรมนักธุรกิจขายตรงเองก็ปรับตัวและหันมาใช้สื่อออนไลน์และช่องทาง Social network เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์และเครื่องมือสนับสนุนการขาย
เอมสตาร์ จึงตัดสินใจยึดเอาผู้บริโภคและลูกค้าเป็นที่ตั้ง เดินหน้าปรับกลยุทธ์สื่อสารผ่านสื่อดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพราะเชื่อว่าจะสามารถนำแบรนด์สินค้าของตนเข้าใกล้ผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม และเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ทางเอมสตาร์ จึงวางกลยุทธ์เสริม Brand Affinity โดยยึด 4 กลยุทธ์หลัก (4 Core Pillars of Engagement) เสริมความมั่นใจให้นักธุรกิจภายใต้เน็ตเวิร์คของตน
1. การใช้ช่องทาง YouTube เป็นช่องทางในการสร้าง Content และโฆษณา
เอมสตาร์มองว่า คอนเทนท์ในรูปแบบวิดีโอนั้น เป็นคอนเทนท์ที่เสพง่าย และเหมาะกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ที่ดู YouTube มากกว่าดูทีวี และยังสามารถสร้าง Engagement กับคนดูได้อีกด้วย เอมสตาร์ จึงร่วมกับ VRZO (ชาแนลบน YouTube ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน) จัดทำ Video Content คุณภาพ สร้างการรับรู้ ให้กับผลิตภัณฑ์ Vital Star
VRZO – เมื่อมีปัญหา by Vital Star (Official)
httpv://youtu.be/FcE-dc8eQWM
Aimstar YouTube Channel : https://www.youtube.com/user/aimstarchannel
2. การใช้ Insight จากเครื่องมือ Social Listening Content Marketing
เพื่อเอมสตาร์ จะสามารถพูดภาษาเดียวกันกับผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เอมสตาร์ จึงเลือกใช้เครื่องมือ Social Listening Tool ในการฟังเสียงของผู้บริโภคบนโลกดิจิทัลมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจ และสามารถปรับเปลี่ยนการสื่อสาร ปรับปรุงสินค้า และบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น https://www.facebook.com/Aimstarnetwork.Official
3. การใช้โฆษณาผ่าน Google Display Network (GDN)
การทำโฆษณาผ่านสื่อเว็บไซต์ทั่วไทยนั้นถือเป็นการได้เปิดโอกาสที่จะเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ และ Google Display Network ก็ถือเป็นเน็ตเวิร์คที่มีเครือข่ายเว็บไซต์มากที่สุดของไทย พร้อมเครื่องมือ Remarketing เพื่อช่วยให้เราสามารถติดตามลูกค้าที่มี Potential ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่ม Conversion หลังการเข้าถึงได้อีกด้วย
4. การใช้สื่อโฆษณาผ่าน Google Search Engine Marketing (SEM)
เอมสตาร์ เน้นกลยุทธ์ การรองรับ Keyword หรือการค้นหาบน Google ในทุกๆ กลุ่ม Segment เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กำลังมีความต้องการในสินค้า ซึ่งแน่นอนว่าเอมสตาร์เข้าใจว่ากลุ่มลูกค้ามีปัญหาหรือความต้องการผ่าน Keyword ใดบ้าง จึงเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสม เพื่อส่ง Traffic ไปยังเว็บไซต์ เพื่อสร้าง Engagement ที่ดีต่อไป
เอมสตาร์ มั่นใจว่าการขยายฐานการสื่อสารรูปแบบใหม่นี้ จะช่วยเสริมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ให้การทำธุรกิจกับพันธกิจธุรกิจของเอมสตาร์ประสบความสำเร็จและก้าวไกลไปประเทศใน AEC รวมถึงคู่ค้าใหม่ๆ เช่น Lazada หรือ ตู้บุญเติม และโอกาสในการแตะ Golden Age ของแบรนด์อีกครั้ง ต้องยอมรับว่า กลยุทธ์ทีทางเอมสตาร์ได้วางไว้ข้างต้นนั้น ถือเป็นกลยุทธ์การทำความเข้าใจและการเลือกใช้สื่อดิจิทัลที่เหมาะสมกับผู้บริโภคในยุคปัจจุบันจริงๆ