ครั้งแรกกับการพัฒนา AI เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตาเล่น Facebook ได้

คุณเชื่อไหมว่าในหนึ่งวันมีการแชร์รูปบน Facebook Instagram WahtsApp และ Messenger มากกว่า 2,000 ล้านรูป ลองจินตนาการว่าคุณเล่นแอพเหล่านี้โดยมองไม่เห็นมันสิ อย่าเพิ่งงงว่าไม่เห็นแล้วจะเล่นได้ไง เพราะว่ามีผู้พิการทางสายตาจำนวนเกือบ 300 ล้านคนที่สามารถเข้าถึงแอพเหล่านี้ได้ กว่า 39 ล้านคนเป็นผู้พิการตาบอดสนิท และอีกกว่า 246 ล้านคนมีความบกพร่องทางการมองเห็น ไม่สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนเป็นปกติ คือเข้าถึงได้แต่ใช้งานไม่ได้เพราะอุปสรรคทางการมองเห็น แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป

ยอมรับว่าเราตื่นเต้นกับข่าวนี้มากเพราะ Facebook พัฒนาเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ขึ้นมาช่วยบรรยายรูปภาพด้วยเสียงเพื่อผู้ใช้งานที่พิการทางสายตาโดยเฉพาะ ข่าวนี้เพิ่งประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่ง AI ที่ว่านี้จะตรวจจับรายละเอียดของรูปภาพโดยอัตโนมัติ ก่อนจะบรรยายรายละเอียดของรูปภาพออกมาเป็นเสียงให้ผู้ใช้งานได้ฟัง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่พิการทางสายตามโนภาพในหัวจากเสียงบรรยาย

เช่นว่า หากมีการอัพรูปของใครสักคนในฟีด บุคคลในรูปใส่แว่นกันแดดและกำลังยิ้มให้กล้องโดยมีฉากหลังเป็นทะเล  AI ก็จะสแกนและตรวจจับรูปภาพและจะบรรยายด้วยเสียงอย่างเช่น  ‘two people, smiling, sunglasses, outdoor, water’ จะเป็นอะไรประมาณนี้ หากยังนึกภาพไม่ออกอยากให้ลองดูวิดีโอด้านล่างจะเข้าใจชัดเจนแน่นอน

ไม่เพียงแค่บรรยายรูปภาพด้วยเสียง แต่ยังอ่านข้อความ วัน เวลา และบอกจำนวน Like Share ให้ด้วยนะ

ซึ่ง Twitter ก็มีแพลนจะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถเล่นทวิตเตอร์ได้เช่นกันด้วยระบบเสียงนี่แหละ แต่เฟสบุ๊คนำร่องไปก่อนด้วยเทคโนโลยี AI โดยแรกเริ่มฟีเจอร์นี้จะใช้ได้แต่บนระบบ iOS และเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น คาดว่าจะประกาศใช้งานไม่เกินปีหน้า แต่เฟสบุ๊คก็มีแผนจะพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้ครอบคลุมผู้ใช้งานให้กว้างขึ้น อาจจะมีภาษาไทยก็ย่อมเป็นไปได้

เราไม่อยากมองว่านี่คือการแข่งขันในโลกดิจิทัลเพราะสิ่งที่เราสัมผัสได้คือ วันนี้เทคโนโลยีได้ถูกพัฒนามาสู่จุดที่สามารถอุดรอยรั่วของความไม่เท่าเทียมทางกายภาพในมวลมนุษย์ได้ขึ้นมาอีกขั้นแล้ว คุณดูคลิปข้างล่างแล้วจะรู้สึกได้เหมือนเรา

ฟีเจอร์นี้ถูกพัฒนาโดย Shaomei Wu, Software Engineer  Hermes Pique, Software Engineer on iOS และ  Jeffrey Wieland, Head of Accessibility 

 

Source: Businessinsider