1. Amazon เปิดให้บริการ “Amazon Web Services” บริการที่เหนือขั้นไปกว่าอีคอมเมิร์ซ
ปี 2006 “Amazon Web Services” (AWS) เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ Amazon เปิดให้บริการ cloud จัดเก็บข้อมูลที่เป็น infrastructure as a service ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรันแอพและแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น AWS ได้รับความนิยมจากหลายองค์กรทั่วโลก เพราะมีราคาไม่แพง ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นเพียง $0.03/GB เท่านั้น ทำให้ AWS เติบโตในองค์กรทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
2. Amazon เปิดเผยกำไรที่ได้จาก “Amazon Web Services”
เมื่อปลายปี 2015 Amazon เปิดเผยถึงตัวเลขของ “Amazon Web Services” (AWS) ซึ่งมีการคาดการณ์ล่วงหน้ากันแล้วว่าด้วยราคาค่าบริการถูกเช่นนั้นมาร์จินคงได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทึ่งไปตามๆกันเมื่อ Amazon เปิดเผยตัวเลขปี 2015 จาก AWS ซึ่งทำกำไรได้ 19,000 ล้านเหรียญ จากรายได้ทั้งหมด 79,000 ล้านเหรียญ
3. Amazon เปิดตัวสินค้า ผ้าออมเด็กสำเร็จรูป และ กระดาษเปียก
ปี 2014 Amazon เปิดตัวไลน์สินค้าของตัวเองเป็นผ้าออมเด็กสำเร็จรูป และ กระดาษเปียก แบบพรีเมียม แต่ก็วางจำหน่ายเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เพราะไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค อีกทั้งยังโดนคอมเม้นในแง่ลบเรื่องดีไซน์แพคเกจจิ้งอีกด้วย
4. Amazon ทุ่มเงินเกือบ 1,000 ล้านเหรียญ ซื้อวิดีโอเกมสตรีมมิ่งไซต์จาก Twitch
แต่ข่าวนี้ไม่เป็นที่พอใจของคอเกมนักนัก เพราะ live video-game-streaming จาก Twitch เป็นไซต์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆของโลก โดยไซต์ที่ซื้อมาจะช่วยในส่วนของการพัฒนา Amazon Vedio Service ในอนาคต แต่อันที่จริงไม่ใช่แค่ Amazon ที่อยากได้ไซต์นี้ เพราะก่อนหน้านี้ Google และ Yahoo ก็พยายามจะเจรจาขอซื้อกับ Twitch มาก่อนแล้วเช่นกัน
5. Amazon เปิดร้านหนังสือของตัวเองขึ้นเป็นครั้งแรก
“Amazon Books” คือร้านหนังสือของ Amazon ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อ พฤศจิกายน 2015 และมีแพลนจะขยายสาขาเพิ่มโดยจะจำหน่ายสินค้าอื่นๆนอกจากหนังสือด้วย
6. Amazon ทุ่ม 928 ล้านเหรียญ ซื้อกิจการร้านรองเท้าออนไลน์ “Zappos”
ครั้งหนึ่ง Amazon ได้ตระหนักว่าไม่มีทางที่จะเป็นคู่แข่งกับร้านรองเท้าออนไลน์ที่ขายดีที่สุดอย่าง Zappos ได้ อเมซอนเลยจัดการซื้อกิจการจาก Zappos ซะเลย โดยซื้อมาด้วยราคาเกือบพันล้านเหรียญ
7. Amazon เปิดตัวอุปกรณ์อ่าน E-book ของตัวเอง, Kindle
Amazon เปิดตัว Kindle อุปกรณ์อ่านอีบุ๊คขึ้นครั้งแรกในปี 2007 ต่างได้รับการวิจารณ์อย่างเนื่องแน่นว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีรูปลักษณ์น่าเกลียด แต่ต่อมาไม่นาน Kindle กลายเป็นสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ขายดีที่สุดในอเมซอน
8. Amazon เปิดตัวสมาร์ทโฟนของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า “Fire”
ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์ทุกตัวจาก Amazon จะประสบความสำเร็จ เมื่อปี 2014 สมาร์ทโฟน “Fire” ถือเป็นความล้มเหลวอย่างหายนะเลยที่ทำให้ Amazon สูญเงินไป 170 ล้านเหรียญในปีต่อมา เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการเลย์ออฟใน Lab126 อีกด้วย (Lab126 คือบริษัทของอเมซอนที่ก่อตั้งมาเพื่อพัฒนาและผลิตสินค้าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต “Fire” ให้อเมซอน)
9. Amazone ทดลองโปรเจคส่งสินค้าภายใน 30 นาทีด้วยโดรน
ปี 2013 Jeff Bezos ซีอีโอได้เผยถึงการทดลองใช้โดรนจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายใน 30 นาที โดย Bezos คาดหวังว่าโปรเจคนี้จะถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานได้จริงภายใน 4-5 ปี
10. Amazon เปิดให้บริการส่งสินค้าสดด้วย “Amazon Fresh”
ปี 2007 Amazon ได้แนะนำบริการ “Amazon Fresh” สำหรับส่งสินค้าที่เป็นของชำ อาหารสด ผัก ผลไม้ โดยยังคงความสดใหม่เอาไว้จนถึงมือลูกค้า โดยยังคงมีบริการตามจุดที่กำหนด แต่ก็มีรายงานว่า Amazon จะขยายพื้นที่การบริการให้กว้างขึ้น
11. Amazon ชนะรางวัล Emmy Award จากซีรีส์เรื่อง “Transparent”
Amazon Studios เป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ของ Amazon ที่ผลิตซีรีส์คอมเมดี้เรื่อง “Transparent” ซึ่งได้รับรางวัลในหลายสาขาจาก “Primetime Emmy Award”
12. Amazon สร้างระบบขนส่งของตัวเองขึ้นมาสู้กับ FedEx และ UPS
Amazon สร้างเครือข่ายโลจิสติกส์แบบครบวงจรเป็นของตัวเองขึ้นมาตีคู่กับ FedEx และ UPS โลจิสติกส์เจ้าใหญ่ดั้งเดิม แม้จะยังไม่มีการกำหนดเปิดตัวที่แน่ชัด แต่หากทำสำเร็จ Amazon จะมีโอกาสทำเงินได้สูงถึง 400 ล้านเหรียญต่อปีเลยทีเดียว