ถ้าเอ่ยถึงรถยนต์ไฟฟ้า แน่นอนว่าหลายคนคงใฝ่ฝันที่อยากจะได้รถยนต์ Tesla มาไว้ในครอบครอง ส่วนหนึ่งคือการสร้างความแตกต่างให้กับตลาดยานยนต์ ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับรถยนต์ระดับ Super Car และอีกส่วนคือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยโดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือ Autopilot ที่หลายคนต่างไว้ใจและเชื่อมั่นในระบบ แม้ว่า Tesla จะย้ำว่า ระบบดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้การตัดสินใจของผู้ขับขี่เป็นหลัก
สาเหตุที่ Tesla ต้องออกคำเตือนนั้น เพราะในอดีตเคยเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ระบบ Autopilot จนเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัย ในความแม่นยำระบบ Autopilot ของ Tesla ซึ่งดูเหมือนคำเตือนนั้นจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้ใช้ จนเกิดอุบัติเหตุครั้งล่าสุดเมื่อรถยนต์ Tesla พุ่งเข้าชนกับรถสายตรวจของตำรวจรัฐมิชิแกนที่จอดเปิดไฟผ่าหมากไว้ข้างถนน
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์ Tesla อยู่ในโหมด Autopilot ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงาน หลังมีเหตุแจ้งว่าอุบัติเหตุรถชนกวางบนทางหลวง นับว่าโชคยังดีที่เหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สำนักงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) มีการจัดตั้งทีมสืบสวนการชนเป็นกรณีพิเศษ (SCI) เพื่อตรวจสอบกรณีการชนของรถยนต์ Tesla ที่อาจเกิดจากระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autopilot)
นอกจากนี้ยังมีการจัดแบ่งทีมในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุของ Tesla ในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีการชนกับรถเทรลเลอร์ จนส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส และถือเป็นอุบัติเหตุครั้งรุนแรงของ Tesla เพื่อตรวจสอบว่าระบบขับเครื่องอัตโนมัติ (Autopilot) มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่
ขณะที่เทสล่ายังไม่มีการชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่ยังคงเน้นเสมอว่า ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autopilot) ยังคงต้องอาศัยการตัดสินใจของผู้ขับขี่เป็นหลัก ซึ่ง Tesla มีการติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ที่พวงมาลัย กรณีเปิดใช้งานระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autopilot) ระบบจะบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องวางมือไว้บนพวงมาลัยเท่านั้น หากปล่อยมือจากพวงมาลัยเกินระยะเวลาที่กำหนด ระบบจะหยุดทำงานอัตโนมัติและจะบังคับให้ทำการจอดชิดข้างทาง หากไม่สามารถตรวจจับมือบนพวงมาลัยได้
ทั้งนี้สำนักงานฯ ดังกล่าวเคยตักเตือน Tesla ถึงการขาดระบบป้องกัน หากระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autopilot) อยู่ในสภาวะไม่พร้อมใช้งาน
Source: Reuters