วิเคราะห์เกมรุก “ไอเอ็นจี” หลังจาก “ปักธง” สร้างแบรนด์ผ่าน “รถฟอร์มูล่าวัน” ภายใต้สังกัด “ทีมเรโนลด์” ที่ล่าสุดคว้าแชมป์สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์อะไรที่ทำให้ “สิงห์โตสีส้ม” รายนี้ยอมกำเงินหลายหมื่นบาทเพื่อสร้างแบรนด์ผ่านรถแข่ง…ไปติดตามกัน
น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสร้างแบรนด์ “ไอเอ็นจี กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่แห่งโลกการเงินจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ใช้เกมการแข่งขัน “รถฟอร์มูล่าวัน” (Formula one – F1) เป็นเส้นทางของการสร้างชื่อ…!
เพราะไม่ว่า “ทีมเรโนลด์” (RENULT) ซึ่งเป็นทีมที่ “ไอเอ็นจี กรุ๊ป” ยอมจ่ายเงินกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 12,000 ล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนหลัก จะทำผลงานการแข่งขันออกมา “ดี” หรือ “ไม่ดี” แต่สิ่งที่ “ไอเอ็นจี กรุ๊ป” ได้จากการเป็นสปอนเซอร์ในครั้งนี้ก็คือ สามารถนำพาแบรนด์ ING ที่มีสิงห์โตสีส้มขนาบข้างติดอยู่รอบตัวรถและเครื่องแบบของนักแข่ง โลดแล่นไปทั่วสนามผ่านสายตาผู้ชมไปทั่วโลก
นี่คือเกมที่ “ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์” บอกว่า “คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
ล่าสุด “ทีมเรโนลด์” ทำผลงานออกมาได้สุดประทับใจ เพราะสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ที่เพิ่งผ่านไป ยิ่งทำให้ “แบรนด์ ING” ถูกจับมองมากขึ้น ในฐานะแบรนด์สปอนเชอร์หลัก
“นายราเจช เสฐฐี” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ประเทศไทย บอกว่า สาเหตุใหญ่ที่ “ไอเอ็นจี” เลือกที่จะเป็นผู้สนับสนุน “รถฟอร์มูล่าวัน” ก็เพราะมองว่า ทั้ง “รถฟอร์มูล่าวัน” และ “ไอเอ็นจี” มีสิ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ 1.ทีมเวิร์ก 2.เทคโนโลยีที่ทันสมัย และ 3.ความแข็งแกร่ง
“การที่จะเป็นผู้ชนะในเกมธุรกิจและการแข่งขัน เราต้องทำงานกันเป็นทีม มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อครองใจผู้บริโภค ที่สำคัญต้องมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรถฟอร์มูล่าวันสะท้อนตัวตนของไอเอ็นจีได้เป็นอย่างดี” นายราเจช กล่าว
Sport Marketing ที่เด็ด ไอเอ็นจี
คำกล่าวของ “นายราเจช” สอดรับกับมุมมองของผู้ช่วยศาสตราจารย์เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่บอกกับ Business Thai ว่าการสนับสนุนการแข่งรถฟอร์มูล่าวันอาจสามารถสะท้อนถึงความรวดเร็วของไอเอ็นจีได้ทางหนึ่ง
ที่สำคัญการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งรถฟอร์มูล่าวันให้กับทีม Renualt นั้นเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์เข้าไปผูกติดกับรถแข่ง และจะได้โอกาสในด้านการพบเห็นโลโก้สัญลักษณ์ในสื่อหรือ Media Visibility และถ้าแบรนด์นั้นเป็น Global Brand และสนับสนุนกิจกรรมระดับโลก ก็ย่อมมีโอกาสกระจายไปในประเทศต่างๆ ผ่านการถ่ายทอดสด เทปบันทึกภาพต่างๆ อีกด้วย
เขายกตัวอย่าง แบรนด์เอไอจี ก็สนับสนุนทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โลโก้ของเอไอจี ก็ไปปรากฏบนเสื้อของนักกีฬาในทีมนั้น เมื่อใดที่มีการถ่ายทอดก็จะปรากฏโลโก้ของแบรนด์นี้ตลอดการแข่งขันในทุกๆ แมตช์
แต่สิ่งสำคัญที่แบรนด์แต่ละแบรนด์ต้องตระหนักมากขึ้นในการสื่อสารยุคใหม่ก็คือ การสื่อสารหรือสนับสนุนเหล่านั้นจะมีส่วนช่วยเชื่อมต่อผู้บริโภคเข้ากับแบรนด์ของเรามากน้อยแค่ไหนในเชิงผลตอบแทนจากการลงทุนหรืออัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในการสนับสนุนนั้น
แนะอย่าทับซ้อนแบรนด์
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสริมยศ ย้ำว่า ธุรกิจการเงินอาจไม่จำเป็นต้องผูกตัวเองเข้ากับการสนับสนุนกิจกรรมกีฬาหรือกลยุทธ์ Sport Marketing เสมอไป แต่ต้องพิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร กลุ่มเป้าหมายของเราเปิดรับหรือสนใจกิจกรรมประเภทใดที่เราสามารถจะเข้าไปเชื่อมต่อหรือเป็นกลไกในการทำให้แบรนด์ของเราเข้าไปอยู่ในชีวิตกลุ่มเป้าหมายได้
ดังนั้นแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการประกันชีวิต อาจเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกีฬาที่สะท้อนการดูแลด้านสุขภาพ กิจกรรมสันทนาการบันเทิง เพื่อดูแลด้านการพักผ่อน สุขภาพจิต เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นั้นดูแลสุขภาพทุกด้าน ดูแลความสมบูรณ์ให้กับชีวิต
อย่างไรก็ตาม การจะเลือกใช้กลยุทธ์ Sport Marketing และเลือกสนับสนุนกีฬาประเภทใดนั้นก็ต้องดูแนวทางหรือทิศทางของแบรนด์ หรือพิจารณาที่วัตถุประสงค์ของแบรนด์นั้นว่า เราต้องการสนับสนุนเพื่อผลด้านใด ภาพลักษณ์ของแบรนด์กล่าวคือทำให้ลูกค้าเป้าหมายเกิดการเชื่อมโยงแบรนด์กับประเภทกีฬานั้น หรือเพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในอนาคตของแบรนด์ก็ไปสนับสนุนกีฬาฟุตบอลเยาวชน
ทั้งนี้การเลือกประเภทของกีฬาไม่ควรจะไปซ้อนทับกับแบรนด์ที่เขาทำได้โดดเด่นอยู่แล้ว โดยสรุปแล้วควรจะพิจารณาที่ 1.เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของแบรนด์ 2.กลุ่มเป้าหมายโดยดูที่ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และ 3.โอกาสในการทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมทั้งในรูปแบบเข้ามาร่วมกิจกรรมในลักษณะของการเล่นกีฬา หรือเข้ามาร่วมชมกีฬา 4.ผลลัพธ์ที่จะได้จากการสนับสนุนกีฬานั้นว่าเกิดผลตอบแทนอะไรกลับมาบ้าง ภาพลักษณ์ ยอดขาย การเป็นข่าว เป็นต้น
มั่นใจเศรษฐกิจไม่กระทบยอดขาย
สำหรับแผนธุรกิจของ “ไอเอ็นจี ประกันชีวิต” ช่วงที่เหลือของปีนี้ “นายราเจช” กล่าวว่า เป้าหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นยอดขายประกันผ่านธนาคารที่จะต้องทำได้ 1,000 ล้านบาทภายในปีนี้ รวมทั้งการออกสินค้ารูปแบบใหม่ ๆ และขยายพลังตัวแทนให้มากขึ้นเพื่อรองรับการแข่งชันที่จะทวีความรุนแรง
“การเมืองที่ยังไม่สงบ ผสมกับความผันผวนของเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงบ้าง แต่เรามั่นใจว่าเป้าหมายที่เราวางไว้นั้นทำได้” นายราเจช กล่าว
Source: Business Thai