‘ราคา’ กลยุทธ์อมตะ ในยุคผู้บริโภคไม่สนแบรนด์

  • 2
  •  
  •  
  •  
  •  

ดัชนีความมั่นใจผู้บริโภคที่ลดลง กำลังซื้อที่หดหาย ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัว และ “ราคา” ยังเป็นกลยุทธ์อมตะที่ช่วยได้ในยุคผู้บริโภคไม่สนแบรนด์

กลุ่มสินค้าเครื่องดื่มที่เห็นได้ชัดเจนคงหนีไม่พ้น น้ำอัดลม ที่เรียกว่า “Low Cost Cola” ซึ่งนับวันจะเข้ามามีบทบาทในตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ภายใต้แบรนด์ของตนเอง  อาทิ  “RC Cola” ที่อยู่ในตลาดมานาน โดยตั้งราคาถูกกว่า 2 แบรนด์ใหญ่ เช่น กระป๋อง 325 มล. ราคา 11 บาท ขณะที่โค้ก-เป๊ปซี่ ราคา 14-15 บาท

ขณะที่แบรนด์  Big Cola เป็นค่ายเครื่องดื่มจากประเทศเปรูที่มีราคาถูกกว่าคู่แข่งเกือบ 50% เช่น ขนาด 535 มล. ขาย 10 บาท ขณะที่โค้ก เป๊ปซี่  ขายอยู่ 16-17 บาท หรือถ้าเป็นขนาด 1.5  มล. ราคา 25 บาท เทียบกับคู่แข่งที่ปริมาณน้อยกว่าเพียงแค่ 1.25 แต่ขายราคา 27-28 บาท นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ Mecca-Cola น้ำดำจากประเทศฝรั่งเศส ที่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ตลาดน้ำอัดลมราคาถูกขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งให้อดีตผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังรายใหญ่อย่างกระทิงแดงโดดเข้ามาทำตลาดนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยการทำตลาดผ่านแบรนด์ ‘กระทิงแดง โคล่า’

นายสานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มราคาถูกมีโอกาสขยายตลาดได้ดี หลังจากที่ได้เปิดตัวเครื่องดื่มกระทิงแดง โคล่า ไม่มีกาเฟอีนในรูปแบบกระป๋อง ขนาด 325 มล. ราคา 10 บาทออกมาวางจำหน่าย ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายปีแรกไว้ที่ 100-200 ล้านบาท

cola-low-cost

ลูกค้าไม่ยึดติดแบรนด์

ล่าสุดกลุ่มซานมิเกล จากฟิลิปปินส์  ได้รุกเข้ามาทำตลาดน้ำอัดลมภายใต้แบรนด์ ‘ฟรีซ โคล่า’ โดยใช้กลยุทธ์ ราคา  เข้ามาเป็นจุดขาย เริ่มต้นจากขวดเพ็ทขนาด 500 มล. ราคา 11 บาท ซึ่งถูกกว่าเป๊ปซี่และโค้ก ขนาด 500 มล. ที่จำหน่ายในราคา 17 บาท เพราะจากการประเมินสถานการณ์ เชื่อว่าปีนี้สินค้าที่มีราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น  โดยตั้งเป้าว่า ในปีแรกฟรีซ โคล่าจะมีส่วนแบ่งตลาด 5% จากมูลค่าตลาดน้ำดำกว่า 2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีน้ำอัดลม เฮ้าส์แบรนด์ ของเทสโก้ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี  ซึ่งโตวันโตคืนเพราะราคาถูกกว่ากลุ่มน้ำอัดลมที่มีแบรนด์ เพราะสามารถตอบโจทย์ กลุ่มเป้าหมายที่ไม่สนใจแบรนด์ แต่เลือกซื้อตามกำลังซื้อที่มีอยู่ในกระเป๋าเป็นหลัก

ย่อขนาดลดราคาล่อใจ

สำหรับความเคลื่อนไหวของโค้ก-เป๊ปซี่ เจ้าตลาด ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับการสร้างแบรนด์ให้เป็นเครื่องดื่มตัวแทนคนรุ่นใหม่ โดยหันมาเน้นกิจกรรมให้ถี่ขึ้น เข้มข้นขึ้น และน่าสนใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เท่านั้นคงยังไม่พอสำหรับการดึงดูดผู้บริโภคให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายเท่ากับ “ราคา” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคถดถอยรุนแรง โค้กจึงได้เปิดตัวโค้กกระป๋องเล็ก ขนาด 240 มล. ออกมาวางขายในราคากระป๋องละ 10 บาท พร้อมกับคำโฆษณาประจำกระป๋องว่า “สดชื่นแน่…แค่ 10 บาท” เพื่อให้เป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังซื้อคนลดลง ดังนั้นการลดขนาด ลดราคาลงให้คนเห็นว่าถูก เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่โค้กเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าไซส์เล็กขนาด 240 มล. อย่าง แฟนต้า ออกวางขายคู่กันด้วย

ทางด้านเป๊ปซี่หันมาเล่นกับความสะดวกของ  “ราคา” หรือที่เรียกว่า  Price Point ที่วางราคาตามมูลค่าของเงินเพื่อให้สะดวกและซื้อง่ายที่สุด  ในรูปแบบของโปรโมชั่นลดราคาสินค้าในระยะเวลาสั้น ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่มักเลือกซื้อสินค้าในราคาที่ซื้อขายได้ง่าย เช่น 10, 15 และ 20 บาท

ทุกวันนี้สินค้าโลว์คอสท์ กลายเป็นพระเอก ที่เข้ามามัดใจลูกค้าในยุคเศรษฐกิจฝืด ค่าครองชีพสูงได้อย่างลงตัว เพราะสามารถตอบสนองกับพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนไปคือ เน้น “ราคา” เลือกบริโภคเท่าที่จำเป็น เช่น ขนาด โดยไม่ยึดติด “ยี่ห้อ”

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


  • 2
  •  
  •  
  •  
  •