แอลจีเชื่อตลาดสมาร์ทโฟนต้องใช้ “Influencer” นำ มองผู้ซื้อส่วนใหญ่มีการหาข้อมูลอยู่แล้ว ไปถึงหน้าร้านลองใช้ซื้อได้เลย หลังนำเข้า ออปติมัส วัน (Optimus One) ล็อตแรกขายหมดในไม่กี่วัน ทยอยนำเครื่องเข้าตลาดต่อพร้อมเล็งนำสีแดง และสีขาวมากระตุ้นตลาดต่อไป หวังกินแชร์สมาร์ทโฟนระดับแมสฯ รับผลสำรวจปีหน้าสมาร์ทโฟนโตเท่าตัว
นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้บริโภคที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะศึกษาความสามารถของตัวเครื่อง ผ่านหน้าเว็บไซต์ บทความรีวิว ก่อนที่จะมาทดลองใช้สินค้าที่หน้าร้านและตัดสินใจซื้อ
“ส่วนหนึ่งเราใช้ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ในการให้ความรู้ประสิทธิภาพบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเมื่อมีการสอบถามไปยังการซื้อเครื่องหน้าร้าน พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ศึกษาข้อมูลมาแล้ว เมื่อได้สัมผัสสินค้า ทดลองว่าเป็นไปตามที่ต้องการก็ซื้อเครื่องเลย ไม่ต้องการคำแนะนำจากผู้ขายสักเท่าไหร”
ขณะเดียวกันถ้ามองไปยังกลุ่มตลาดโทรศัพท์ทั่วประเทศ ยังมีผู้บริโภคที่ต้องการความรู้เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนอีกมาก ซึ่งในจุดนี้เราต้องพยายามขยายตลาดไปยังกลุ่มแมสให้มากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากจีเอฟเค เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ระบุไว้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 7% เท่านั้น และเชื่อว่าปีหน้าจะเติบโตขึ้นไปอยู่ที่ 14%
ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันอยู่ที่ราว 23% เท่านั้น และคาดว่าปีหน้าจะขึ้นไปอยู่ที่ 40% ไม่โตเป็นเท่าตัวเหมือนสัดส่วนตลาด เนื่องจากราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนในตลาดจะลดลง และโทรศัพท์มากกว่า 50% จะอยู่ในช่วงราคา 3,000 – 4,000 บาท ซึ่งยังมีส่วนแบ่งอีกมากให้ทางแอลจีสามารถทำตลาดไปได้
“ตอนนี้ตลาดไฮเอนด์ในช่วงหมื่นปลายๆ ไปจนถึง 2 หมื่นบาท มีผู้คุมตลาดอยู่แล้ว ทางแอลจีเองยังไม่พร้อมเข้าไปตีในตลาดนี้ ทำให้ส่งออปติมัส วัน เข้าไปรุกในตลาดวัยเริ่มทำงาน เน้นทำตลาดแมสมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันเมื่อมีสินค้าพร้อมที่จะไปสู้ในตลาดไฮเอนด์ ก็พร้อมจะเดินหน้าเช่นกัน”
นอกจากนี้แอลจียังคงเกาะกระแส เค-ป็อป จากการนำโฆษณาที่มี “ลิน มิน โฮ” เป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อให้แอลจีมีโพสิชัน ที่ชัดเจนในตลาด ทำให้ในอนาคตถ้ามีสินค้าใดที่ออกมาเจาะตลาดในกลุ่มวัยรุ่น ระดับมัธยมต้น ก็สามารถทำตลาดโดยใช้โพสิชันเดิมต่อไปได้ทันที แม้ว่าจะเป็นฟีเจอร์โฟนก็ตาม
สำหรับยอดขายของ ออปติมัส วัน ที่ตั้งเป้าไว้คือ 5,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นแอนดรอยด์ที่เป็นเรือธงของปีนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ แอลจี เคยพยายามทำตลาดแอนดรอยด์โฟน มาแล้ว 2 รุ่น แต่รุ่นแรกที่เป็น QWERTY คีย์บอร์ดสไลด์ข้าง อย่าง GW620 นั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ทำให้การนำสินค้าของ ออปติมัส เข้ามาไม่เพียงพอต่อความต้องการ
“ช่วงที่นำออปติมัส เข้ามาขาย เราไม่คิดว่าจะได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้ GW620 ก็ขายได้เพียงไม่กี่พันเครื่อง ทำให้สั่งเข้ามาตลาดไม่มากนัก แต่กลับกลายเป็นว่า ราคา 7,990 บาท ช่วยให้ผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อทัชโฟนในราคากลางๆ ขยับขึ้นมาซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กัน ซึ่งถือเป็นบทเรียนหนึ่งให้กับเราในการมุ่งหน้าทำตลาดแมสต่อไป”
ส่วนเหตุการณ์นำท่วมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แอลจียอมรับว่าหน้าร้านในจังหวัดที่เกิดเหตุ ต้องได้รับผลกระทบอยู่แล้ว แต่ยังเชื่อว่าตลาดยังสามารถกลับมาได้อยู่ ยอดปลายปียังคงเดิม เนื่องจากหลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมก็มีประชาชนส่วนหนึ่งที่ต้องการซื้อ โทรศัพท์เครื่องใหม่ เพราะเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
[via ASTV Manager Online]