อากู๋ แกรมมี่ ให้ข่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า สภาพเศรษฐกิจถดถอย กระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อและโฆษณา ทำให้อยู่ในภาวะติดลบต่อเนื่องจากปี 2551 รายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้ไม่เติบโต ปีนี้จะรักษาตัวเลขรายได้และกำไรให้เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ประมาณ 7,500 ล้านบาท ส่วนผลกำไรจะทำลายสถิติรอบ 25 ปีตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเคยทำกำไรสูงสุดในปี 2547 ที่ตัวเลข 700 ล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ จะมุ่งต่อยอดธุรกิจเพลงผ่าน “Digital Platform” ในรูปแบบ Subscription Model โดยร่วมกับ DTAC ทำแคมเปญ Happy Vampire การดาวน์โหลดเพลงแกรมมี่แบบไม่อั้น ด้วยอัตราค่าสมาชิกเดือนละ 20 บาท (ไม่รวมค่า GPRS) คาดว่าจะมีสมาชิก 1 ล้านราย พร้อมทั้งขยายความร่วมมือกับอีก 2 ค่ายมือถือ คือ AIS และ True Move
“ธุรกิจดิจิทัล เป็นกลุ่มที่ทำกำไรสูงมาก 60-70% หากสามารถทำคอนเทนท์บันเทิงที่มีอยู่ มาต่อยอดผ่านเทคโนโลยี ได้มากเท่าไร ยิ่งสร้างกำไรให้บริษัทมากขึ้น”
ปัจจุบันรายได้จากกลุ่มเพลงคิดเป็นสัดส่วน 60% ของรายได้ และกลุ่มมีเดีย 40% ปีนี้กลุ่มเพลงมีแนวโน้มเติบโตมากกว่ามีเดีย จากกลุ่มดิจิทัล คอนเทนท์ ซึ่งปีก่อนมีสัดส่วนรายได้ 18% ของรายได้กลุ่มเพลง คาดว่าจะเติบโต 30% ในปีนี้
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ คือ กลุ่มพับลิชชิ่ง แมกกาซีน ที่ภาพรวมการใช้งบโฆษณาลดลง 10% ในปีก่อน และน่าจะลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Physical หรือ CD, VCD อยู่ในภาวะถดถอยจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนกลุ่มอื่นๆ อาทิเช่น สื่อวิทยุ รายการทีวี และอีเวนท์ ยังเติบโตได้ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้กำหนด “Master Plan” ระยะ 3-5 ปี ที่จะสร้าง Total Entertainment Platform ด้วยการกำหนดเซกเมนต์ ของคอนเทนท์ และมีเดีย ที่จะสื่อสารกับผู้บริโภคเป้าหมาย, การสร้างมาตรฐานคอนเทนท์ ระดับสากล และ เอเชีย เพื่อขยายตลาดต่างประเทศ และการพัฒนา Digital Content รองรับบริการที่จะเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone 3G, WiMax โดย Master Plan ดังกล่าวจะเป็นการทำอุตสาหกรรมบันเทิงครบวงจร และผลักดันให้กำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีนี้
อากู๋ยังบอกอีกว่า ปีนี้จะลงทุนธุรกิจทีวีดาวเทียมเพิ่มอีก 4 ช่อง จากปีก่อนลงทุนแล้ว 1 ช่อง ซึ่งทั้ง 5 ช่อง ใช้งบลงทุนรวม 500 ล้านบาท เป็นอีกธุรกิจที่จะช่วยสร้างรายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์