[Case Study] 5 แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ Influencers บนอินสตาแกรม

โซเชียลมีเดียที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่เสมอ และเป็นแพล็ทฟอร์มที่ค่อนข้างเวิร์ล ไวลด์ทีเดียวก็คือ Instagram นอกจากนี้ ในงานด้านการตลาดก็ให้ความสำคัญกับการทำงานผ่าน Influencers มากขึ้น

แล้วหลายครั้งที่งานของแบรนด์ทำงานผ่าน Influencers โดยใช้ Instagram เป็นแพล็ทฟอร์มหลัก แต่จะทำอย่างไรให้ทั้งสองอย่างขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพล่ะ ดังนั้น ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนถึงประโยชน์การใช้ Influencers ใน Instagram กันดูว่ามีความสำคัญเช่นไร

Why Use Influencers on Instagram?

กับตัวเลขผู้ใช้กว่า 300 ล้านคน ทำให้ Instagram กลายมาเป็นแพล็ทฟอร็มที่สำคัญและได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้น การโปรโมทสินค้าของแบรนด์หลายตัวจึงหันมาเล่นกับแพล็ทฟอร์มนี้มากขึ้น ดังนั้น นักการตลาดจึงให้ความสำคัญกับแพล็ทฟอร์มนี้อย่างมาก และจะมีศักยภาพเพิ่มยิ่งขึ้นถ้าทำงานร่วมกับ Influencers

ปัจจุบันนี้มี Infulencers บน Instagram อยู่ราวๆ 4 หมื่นราย โดยครอบคลุมหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ด้านแฟชั่น ความงาม สุขภาพ แต่งบ้าน อาหารการกิน ฯลฯ ซึ่งคนที่ติดตามส่วนใหญ่ก็มีไม่ต่ำกว่าแสนคน ที่สำคัญคือ ข้อมูลหรือความคิดเห็นของ Influencers เหล่านี้ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถืออย่างมาก ซึ่งจะกลายเป็นเครดิตอย่างดีให้กับโปรดักส์

ดังนั้น ลองมาดูตัวอย่าง 5 แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานโดยใช้ Influencers ใน Instagram กันดีกว่าค่ะ

1.Birchbox

Birchbox แบรนด์ที่ให้บริการผลิตภัณฑ์สินค้าด้านบิวตี้และกรูมมิ่งในแบบรายเดือน โดยผู้ติดตามใน Instagram ส่วนใหญ่เป็นพวกที่หลงใหลในเรื่องความสวยความงามและการแต่งตัว ดังนั้น พาร์ทเนอร์ของ Birchbox จึงเป็น Influencers ด้านบิวตี้ ซึ่งจะคอยแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และช่วยโปรโมทกิจกรรมหรือโปรโมชั่นต่างๆ รวมทั้งการสาธิตวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ออกใหม่ต่างๆ ด้วย

สำหรับทีมไลฟ์สไตล์ บล็อกเกอร์ของ Birchbox อาทิ Emily Schuman (มีผู้ติดตามถึง 2.6 แสนฟอลโลว์เวอร์) ซึ่งเพิ่งแนะนำกล่องประจำเดือนพฤษภาคมไปหมาดๆ โดยมีการลงภาพบนไอจีไป 5 ภาพ ได้รับ 1.8 หมื่นไลก์ Reach มากกว่า 550,000

นอกจากนี้ Christina Zilber ผู้ก่อตั้ง Jouer Cosmetics ก็เป็นผู้แนะนำแอคเคาท์อินสตาแกรมของ Birchbox ในวันแม่ และโพสต์ภาพ 4 รูป พร้อมใส่รายละเอียดสไตล์ชีวิตใน L.A. ก่อนที่จะชวนให้มาเล่นกิจกรรมในวันแม่ โดยให้ users คอมเม้นต์ทิปส์ความงามของบรรดาแม่ๆ เข้ามา ปรากฏว่ามี users เข้ามาตอบรับกับกิจกรรมเป็นจำนวนเยอะมากในวันนั้น

ค้นหา Influencers ที่เชื่อมโยงกับแบรนด์ของคุณให้ได้ และร่วมกันสร้างแคมเปญให้กับโปรดักส์ แล้วคุณจะสามารถสร้างbrand awareness และสร้างแฟนใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ได้ด้วย ที่สำคัญคือ ไม่ต้องใช้งบสูงในเทคนิคนี้

2.Madewell

Madewell แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิง มี Influencers 5 คน อาทิStephanie Sterjovski และ Bethany Marie ทำการโปรโมทครบรอบ 1 ปี signature tote ภายใต้แคมเปญ #TOTEWELL ใช้ Influencers 5 คน สามารถreached ถึงลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่าหนึ่งล้านคน ด้วยการใช้คอนเท้นต์จากดาวเด่นในวงการแฟชั่น

นอกจากนี้ อีกกลยุทธหนึ่งคือการที่ Madewell ใช้วิธีการ regrams ภาพจาก Influencers ตัวอย่างเช่น เขาโพสต์ภาพอินสตาแกรมของ Jules Denby บนแอคเคาท์ของแบรนด์เองและยังใส่ในบล็อกของบริษัทด้วย ซึ่งบล็อกยังเป็นที่ๆ ดีสำหรับแนะนำให้ผู้ติดตามของได้รู้จักกับ Influencers ด้วย โดยในบล็อกจะมีทั้ง Q&A, เบื้องหลังผลงาน, ทิปส์ต่างๆ เป็นต้น

แต่ต้องให้แน่ใจว่า Influencers ของคุณทำงานเชื่อมโยงกันหมดทุกโพสต์ เช่น การใช้แฮชแท็ก และยังต้องไม่ลืมลิงก์ไปยัง Instagram ของแบรนด์เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดทราฟฟิกบนแอคเคาท์ด้วย

3.Boxed Water

Boxed Water ทำงานร่วมกับ Influencers อาทิ Jaime King, Megan DeAngelis และ Aidan Alexander ในการกระจายแคมเปญที่ร่วมกับ National Forest Foundation ในชื่อโครงการว่า The Retree Project โดยการโพสต์ภาพลงใน Instagram พร้อมกับติดแฮชแทก #Retree จากนั้น Boxed Water ก็จะทำการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น 2 ต้น ปรากฏว่าในหนึ่งเดือน ที่ลอนช์แคมเปญนี้ไปมีคนเข้าร่วมในอินสตาแกรมมากกว่า 2,600 อินสตาแกรม

การทำงานกับ Influencers ในอินสตาแกรม ส่งผลต่อแคมเปญบนโซเชียลมีเดียอย่างมากในหลายๆ ทาง เพราะมี reach จำนวนมหาศาลที่สามารถเข้าถึงแคมเปญได้ และมันยังกลายเป็นไวรัลได้ง่ายๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ Influencers ยังสร้างสรรค์โพสต์เพื่อให้เกิดการ engage อย่างสนุกสนาน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในโพสต์และทำความรู้จักกับแบรนด์ได้มากขึ้น

4.Johnnie Walker

แบรนด์Johnnie Walker ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของประสบการณ์และการเรียนรู้ชีวิต ดังนั้น พาร์ทเนอร์ของแบรนด์จึงต้องเป็นคนที่รักในการผจญภัย Influencers จึงได้มีโอกาสไปยังสถานที่ต่างๆ อาทิ ไปมิลานดูฟอร์มูล่า1 ไป สก็อตแลนด์เพื่อดูแหล่งต้นกำเนิดJohnnie Walker และไปเซี่ยงไฮ้เพื่อไปร่วมเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ๆ

แต่คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทใหญ่ขนาดนี้ หรือมีงบฯสูงเท่ากับ Johnnie Walker ก็ได้ แต่ก็ยังสามารถนำไอเดียที่คล้ายกันนี้ไปปรับใช้

ในการทำงานร่วมกับ Influencers คุณอาจจจะให้มีการอัพวิดีโอหรือสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ เพื่อปั๊มพลังงานให้กับการเพิ่มฟีดในอินสตาแกรม เช่น อาจจะให้ Influencers เข้ามาเยี่ยมสำนักงานใหญ่ ถ่ายทอดออกไปเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้ติดตาม ต่อด้วยการเผยเบื้องหลังการเดินทางตามมาได้อีกเช่นกัน

เมื่อ Influencers สร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าตื่นเต้นให้กับโปรดักส์ของคุณ ก็จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกดีกับสินค้าและแบรนด์ของคุณด้วย

5.NatureBox

NatureBox รู้ดีว่า 20% ของผู้หญิงจะแอคทีฟบนโซเชียล มีเดีย ที่สำคัญคือจุดที่กระตุ้นทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าก็มาจากบรรดาบล็อกเกอร์ทั้งหลาย ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญซึ่ง NatureBox ใช้และประสบความสำเร็จก็คือ word-of-mouth การขายที่ไม่ต้องพึ่งการโฆษณา

NatureBox ทำงานร่วมกับบล็อกเกอร์หลายคน อย่าง Joanna Goddard ซึ่งมีคนติดตามมากกว่า 5 หมื่นฟอลโลว์เวอร์ โดย NatureBox โพสต์ภาพ 3 ภาพลูกๆ ของ Joanna Goddard ที่กำลังกินสแน็ก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของ NatureBox ผลปรากฏว่ามีคนไลก์มากถึง 1,200 ไลก์ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ NatureBox อย่างมาก เพราะได้รับความไว้วางใจจากคุณแม่บล็อกเกอร์ชื่อดัง

แทคติกนี้ก็คือ ค้นหา Influencers ที่ไม่เพียงแค่ป๊อปปูล่า แต่ยังมีเสียงที่แข็งแกร่ง มีความน่าเชื่อถือกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณ ยิ่งถ้าคนๆ นั้นเป็นคนชอบตอบคำถามบ่อยๆ หรือแอคทีฟบนบล็อกเยอะๆ ก็จะยิ่งดีและมีประโยชน์กับแบรนด์ของคุณอย่างมาก ยิ่งประเภทที่ชอบโพสต์ว่า AMA (Ask Me Anything) ด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่

บทสรุป

อย่างที่ทราบกันดีผู้บริโภคฉลาดมากขึ้น หมายถึงรอบรู้และในการค้นหาข้อมูลมากขึ้น และไม่หลงกลต่อเล่ห์การตลาดมากนัก ดังนั้น การตลาดที่ใช้ Influencers จึงช่วยในเรื่องดังกล่าวนี้ได้มาก

การค้นหา Influencers ที่เก่งและเข้ากับแบรนด์ ที่สำคัญคือมีฟอลโลว์เวอร์ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงสำคัญมาก ฉะนั้น 5 แบรนด์ดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นตัวอย่างของการใช้ไอเดียในการทำงานร่วมกับ Influencers แล้วประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับอย่างดี ส่งผลดีต่อสินค้าและแบรนด์ ซึ่งหวังว่าคุณจะสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับแบรนด์ของคุณได้นะคะ.

แหล่งที่มา