ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ต.ค. 2554 Terminal 21 ศูนย์การค้าไอเดียเด็ดที่ตั้งอยู่บนโลเคชั่นทองคำแถบสุขุมวิท จุดตัดระหว่างบีทีเอส สถานีอโศกและรถไฟฟ้ามหานคร (เอ็มอาร์ที) สถานีสุขุมวิท เปิดตัวออกมาให้ชาวเมืองแบงคอกยลโฉมเป็นครั้งแรก ซึ่งภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง อิทธิฤทธิ์ของ WOM (Word of Mouth) ก็ทำให้ Terminal 21 กลายเป็นศูนย์การค้าที่ชาวเมืองอยากไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยแบรนด์ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาสักบาท
เพราะนอกจากอาคารสูง 8 ชั้นแห่งนี้จะบรรจุห้างร้านรวงเก๋ ชิค ที่มีทั้งสินค้าแบรนด์เนม เช่น Adidas, H&M, Quicksilver, Victoria’s Secret แนวๆ นอกกระแสอย่าง Hana Station, Hat Man, I don’t have a name หรือแบรนด์ร้านอาหารเครื่องดื่มสุดชิคมากมาย เช่น Moom-Muum Park, Ai Japanese Villages, Bann Ying, Farm Design, Mr.Jones’Orphanage แล้ว ด้วยคอนเซปต์ “จุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้ง” (The Destination for Inspiration) ทำให้ Terminal 21 position ตัวเองเป็นแหล่งรวมโลเคชั่นเซลฟี่ชั้นยอด โดยแต่ละชั้นของพวกเขาจะตกแต่งเป็นบรรยากาศของเมืองสำคัญของโลก เช่น โรมปารีส โตเกียว ลอนดอน อิสตันบูลซานฟรานซิสโก และฮอลลีวูดเป็นต้น
ในแง่ brand awareness การตกแต่งลักษณะนี้ช่วยให้คนจดจำพวกเขาในฐานะ “ห้างนานาชาติ” ที่สอดคล้องกับ image “เทอร์มินอล” หรือสนามบินได้อย่างลงตัว ขณะที่เอกลักษณ์นี้ยังช่วยให้พวกเขากลายเป็นสถานที่ที่มีคนไปเซลฟี่มากที่สุดติดอันดับ แน่นอนว่าการแชร์ ไลค์ คอมเมนต์พุ่งทะลุเป้าทำให้หนุ่มสาวชาวกรุงทุกคนรู้จักพวกเขาอย่างรวดเร็ว และกลุ่มผู้ใช้โซเชียลเนตเวิร์กพวกนี้ก็คือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของพวกเขา ถือเป็นการตลาดที่ชาญฉลาดและตรงเป้าอย่างที่สุดกลยุทธ์หนึ่ง
วันนั้นถึงวันนี้ 3 ปีที่ผ่านมา Terminal 21 พิสูจน์ให้เราเห็นความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยการผ่านร้อนผ่านหนาวทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และการแข่งขันอันเชี่ยวกราดภายในอุตสาหกรรม (อย่าลืมว่าแถวนั้นมีห้างผุดกันเป็นดอกเห็ดเชียวนะคุณ) และวินาทีนี้ “เทอร์มินอล 21” พร้อมแล้วที่จะให้คุณร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตอันสดใสของพวกเขากับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHSC)
แล้วกองทรัสต์ของพวกเขาเป็นอย่างไร? ลองศึกษาจากข้อมูลพื้นฐานนี้ดูก่อนได้เลยครับ
ข้อมูลพื้นฐาน
จุดเด่นที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนและน่าไว้วางใจเป็นอย่างมากคือการบริหารอสังหาริมทรัพย์โดยบริษัท แอล แอนด์ เอช รีเทล แมเนจเมนท์ จำกัด (LHR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (L&H) ซึ่งก็เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
รายละเอียดเพิ่มเติมคุณสามารถหาอ่านได้จากลิงค์ด้านล่าง แต่ตรงนี้เราจะขอยกจุดเด่น 5 ของกองทรัสต์นี้ให้คุณลองพิจารณากันดีกว่าครับ
ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณๆ อาจไม่ค่อยคุ้นชื่อของกองทรัสต์ที่พวกเขาจะเปิดให้จองซื้อได้ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ แน่ล่ะ…กองทรัสต์นี้เพิ่งเข้ามาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อ พ.ร.บ. ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 มีผลขึ้นบังคับใช้เร็วๆ นี้ กฎหมายตัวนี้เป็นฉบับแรกของประเทศไทยที่มีเนื้อหาว่าด้วยการก่อตั้งทรัสต์และผลบังคับใช้อย่างชัดเจน เพื่อความกระจ่างของคุณๆ เราเลยขอมอบพื้นที่นี้ให้คุณได้ทำความรู้จักกับกองทรัสต์เสียหน่อยเป็นไงครับ?
คำเตือน
– การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
– การโฆษณานี้มิใช่การเสนอขายหน่วยทรัสต์ การเสนอขายหน่วยทรัสต์จะกระทำได้เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต.อนุญาตให้เสนอขายหน่วยทรัสต์ และหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้
ขอบคุณข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อ่านเต็มๆ คลิก (http://www.set.or.th/th/products/listing/files/Brochure_REIT.pdf)
เมื่ออ่านคอนเซปต์คร่าวๆ แล้ว คุณจะเห็นว่าจุดเด่นอย่างที่กองทรัสต์แตกต่างจากการลงทุนในรูปแบบอื่นคือคุณไม่จำเป็นต้องมีเงิน (หรือสินทรัพย์) มหาศาลก็สามารถลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้แล้ว ความพิเศษของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือความมั่นคงและมีรายได้ generate มาให้คุณได้ปลาบปลื้มได้อย่างไม่ขาดสาย
หากคุณเริ่มสนใจที่จะลงทุนใน “กองทรัสต์กองแรกที่ลงทุนในโครงการศูนย์การค้าบนช้อปปิ้งสตรีทของกรุงเทพฯ” แล้วล่ะก็ สามารถเข้าไปดูข้อมูลการลงทุนได้ที่ lhsc-reit.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อย่าพลาดติดตามพวกเขาซะล่ะ