คนไทยใช้ “Search Engine” ในชีวิตประจำวันในการค้นหาทุกสิ่งที่อยากรู้ โดยเครื่องมือค้นหาของคนไทย มี 3 ตัวหลักๆ นำโดย Google, Yahoo, Bing แต่เวลานี้เกิด Search Engine ใหม่ชื่อ “Zanroo.com” พัฒนาขึ้นโดย “Zanroo” (แสนรู้) สตาร์ทอัพ MarTech ของคนไทย ใช้ทีมงานในการพัฒนาเป็นคนไทยทั้งหมด 43 คน เจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป, ผู้ประกอบการธุรกิจ และเอเยนซี
ความน่าสนใจของ “Zanroo.com” แม้จะอยู่ใน Category เดียวกับ Google search ก็ตาม แต่จุดขาย และฟีเจอร์ต่างจากยักษ์ใหญ่เครื่องมือค้นหาระดับโลก ตรงที่ “Zanroo.com” นิยามตัวเองเป็น “Latest Information Search Engine” ด้วยการจับข้อมูลที่อยู่บนเว็บไซต์ และบทสนทนาที่เกิดขึ้นบน Social Media เช่น Facebook, Twitter, Instagram ได้แบบ “Real-Time Data” เพราะเล็งเห็นโอกาสธุรกิจว่า ปัจจุบัน “Speed” เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งผู้บริโภคต้องการข้อมูลอัพเดทล่าสุด ขณะเดียวกันฝั่งผู้ประกอบการ และเอเยนซี ต้องการได้ Real-Time Data นำมาต่อยอดธุรกิจ หรือทำสื่อสารการตลาด
“Zanroo.com” เปิดตัวใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น รองรับ 8 ภาษา โดยแบ่งเป็น 2 เวอร์ชัน คือ เวอร์ชันใช้ฟรี และแบบเสียเงิน
สำหรับเวอร์ชันให้ใช้ฟรี มี 3 ฟีเจอร์หลัก คือ
ฟีเจอร์แรก “กดติดตาม” (Follow) ให้ผู้ใช้งานกดติดตามสิ่งที่ตัวเองสนใจ
ฟีเจอร์ที่ 2 “Daily Summary” หลังจากกด Follow แล้ว จะมีสรุปข่าวสิ่งที่ผู้ใช้งานกดติดตาม ส่งเข้าอีเมล์มาให้อ่านในแต่ละวัน โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งเข้าอีเมล์ไหน
ฟีเจอร์ที่ 3 “Advance Search” เป็นการค้นหาข้อมูลได้จากหลายแหล่ง เช่น Twitter, Facebook ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานเห็น “บทสนทนา” ที่เกิดขึ้นบน Social Media
ขณะที่เวอร์ชันเสียค่าบริการรายเดือน (Premium Package) สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก และเชิงวิเคราะห์ ซึ่งทาง “Zanroo” มองว่าบริการนี้ จะสามารถเจาะผู้ประกอบการธุรกิจ SME และเอเยนซี ที่ต้องการนำข้อมูลวิเคราะห์ไปประกอบการทำธุรกิจ โดยเตรียมเปิดให้บริการส่วนนี้ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าราคาเริ่มต้น 300 – 400 บาท จนถึง 5,000 บาท
ตั้งเป้าผู้ใช้งานแตะ 1 ล้านรายภายในปี 2562
หลังจากเริ่มทดลองใช้ ปัจจุบันถือเป็นเวอร์ชัน 1.0 มีผู้ใช้ Search Engine “Zanroo” อยู่ที่หลักร้อยคน ซึ่งขณะนี้อยู่ในสเต็ปของการเก็บ Use Case เพื่อนำไปพัฒนาในเวอร์ชันต่อๆ ไป
ทั้งนี้ เวอร์ชัน 1.0 ยังไม่สามารถค้นหาข้อมูลเก่าได้ ดังนั้นการพัฒนาเฟสต่อไป จะทำให้สามารถค้นหาข้อมูลเก่าได้ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายภายในปีนี้ จะมี Active user 1 ล้านรายใน 5 ประเทศ
กลยุทธ์ในการสร้างฐานผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เป็นการเก็บข้อมูล Use Case นำไปพัฒนาปรับปรุงระบบและการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ให้ดีขึ้น ต่อจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังจะทำ Focus Segmentation ที่เจาะลึกเป็นรายอุตสาหกรรม และกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันของกลุ่มต่างๆ เช่น คนที่สนใจดารา รวมทั้งมีแผนจะการพัฒนาเครื่องมือสำหรับการทำโฆษณา
นอกจากนี้อนาคตมีแผนจะทำ “Zanroo Trend” แตกต่างจาก Google Trend ตรงที่ Google Trend เก็บข้อมูลจากการเสิร์ชของผู้ใช้งาน แต่สำหรับ Zanroo Trend เป็นการเก็บข้อมูลที่ได้มาจากคนบน Social Media และออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Portal Web ยอดนิยมของคนไทย พูดคุยเรื่องอะไรกันเยอะ
คุณอุดมศักดิ์ ดอนขำไพร, Chief Technology Officer & Founder, Zanroo เล่าว่า นับตั้งแต่ Zanroo ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 เวลานั้นเรามีไอเดียอยากทำ Search Engine เพราะโดยส่วนตัวเรามีประสบการณ์การใช้ Search Engine แต่มีบางอย่างยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการ ดังนั้นเมื่อเริ่มตั้งบริษัท โปรดักต์แรกคือ Search Engine แต่ต่อมาเราเปลี่ยนมาให้บริการ Social Listening ขณะที่วันนี้ เรากลับมาพัฒนา Search Engine เต็มตัวแล้ว ด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาท
“ตั้งแต่ที่เราพัฒนา Zanroo.com มีคำถามมาว่า เราจะต่างจาก Google อย่างไร ความตั้งใจของเรา ไม่ได้ต้องการแข่งกับ Google แต่สิ่งที่ Zanroo.com ต้องการนำเสนอแก่ผู้ใช้งาน ทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการธุรกิจ และเอเยนซี คือ การเข้าถึงข้อมูลล่าสุดที่เกิดขึ้นบนออนไลน์ (Latest Information) เป็น Real-Time Data เนื่องจากโลกยุคนี้ Real-Time สำคัญมาก และหัวใจสำคัญของ Zanroo คือ Fast Data ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริการ Search Engine”