เจาะเบื้องหลังการตลาดออนไลน์ YAMAHA คว้า 4 รางวัลใหญ่ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งทุกแพลตฟอร์ม

  • 8.1K
  •  
  •  
  •  
  •  

“จักรยานยนต์” อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน และถ้าจะให้นึกถึงแบรนด์ที่อยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานก็คงหนีไม่พ้นแบรนด์ YAMAHA รถจักรยานยนต์ที่มีสโลแกน Revs Your Heart หรือ “เร่งชีวิตให้เร้าใจ” โดยตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีในตลาดประเทศไทย YAMAHA ถือเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์วิธีทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ในยุคที่ดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภค YAMAHA เองก็เป็นรายแรกๆ ในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ที่นำตัวเองเข้าไปสู่โลกดิจิทัล จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นรถจักรยานยนต์ YAMAHA ในช่องทางต่างๆ ในโลกออนไลน์ และเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดซึ่ง YAMAHA ให้ความสำคัญ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซึ่ง คุณสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด จะมาเล่าถึงแนวคิดและหลักการเบื้องหลังในการทำการตลาดออนไลน์ของยามาฮ่าจนนำไปสู่ความสำเร็จจนคว้ารางวัลดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งทุกแพลตฟอร์มทั้งเว็บไซต์และโซเชียลเน็ตเวิร์คจากสถาบันที่เป็นที่ยอมรับทั้งไทยและต่างประเทศ

หลักการ 5 ข้อที่ใช้ได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

“จริงๆ แล้ว YAMAHA ทำตลาดออนไลน์มาหลายปีแล้ว และเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเรียนรู้แล้วว่า คีย์ของการทำตลาดออนไลน์ให้สำเร็จต้องวาง Position ของเราให้ชัดเจน นั่นจึงทำให้ YAMAHA การถ่ายทอดความเป็นแบรนด์ของยามาฮ่าลงไปให้เกิดความรับรู้ในโลกออนไลน์”

“คันโด” หรือที่ออกเสียงว่า “คันโดะ” ภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “ความพึงพอใจที่เหนือความคาดหมาย” ถือเป็นปรัชญาที่ YAMAHA ยึดถือมาอย่างยาวนาน เปรียบเสมือนกับความรู้สึกขี่จักรยานได้เป็นครั้งแรก โดย YAMAHA อยากให้ลูกค้ารู้สึกพอใจเช่นนั้นเมื่อได้พบกับ YAMAHA ซึ่งเป็นความพอใจในแบบสนุกเร้าใจ ตามแบรนด์สโลแกนที่ว่า “เร่งชีวิตให้เร้าใจ (Revs your Heart)”

“การจะทำให้ลูกค้ารู้สึกพอใจแบบเหนือความคาดหมายได้นั้น เราจะยึดหลักการ Kando (คันโด) 5 ข้อและหลักการ 5 ข้อนี้ก็จะถูกนำมาใช้กับการตลาดรูปแบบออนไลน์ ซึ่งประกอบไปด้วย Innovation, Emotion, Excitement, Confident และ Ties โดยเฉพาะในการสร้างคอนเทนต์และสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า”

YAMAHA

โดย Innovation หรือการริเริ่ม จะเป็นการสร้างคอนเทนต์ในเชิงนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นคอนเมนต์ในรูปแบบของ Facebook หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่าง VR (Virtual Reality) รวมไปถึงรูปแบบของกิจกรรมทางออนไลน์จะต้องมี Innovation เพื่อให้ดูถึงความทันสมัยสอดรับกับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ที่สำคัญจะต้องมีความสนุกสนาน เร้าใจน่าตื่นเต้นในแบบ Excitement เช่น คอนเทนต์ที่ใช้ในการสื่อสารบนโลกออนไลน์ควรเป็นวิดีโอมากขึ้น นอกเหนือไปจากคอนเทนต์ที่เป็นเนื้อหากับรูปภาพซึ่งอีกหน่อยคงสร้างความตื่นเต้นเร้าใจน้อยลง

หรืออย่าง Emotion หรือความดึงดูดใจ ถ้า YAMAHA จะขายรถที่เน้นดีไซน์ความสวยงาม แต่กลับบรรยายเป็นตัวหนังสือ ลูกค้าก็จะไม่เห็นภาพ การเลือกใช้ช่องทางสื่อออนไลน์อย่าง Instagram กับ YouTube อาจจะเป็นช่องทางที่สามารถตอบโจทย์ได้มากกว่า ซึ่ง YAMAHA จะมีการแบ่งให้แต่ละช่องทางโซเชียลมีเดียสามารถทำหน้าที่สื่อสารได้ด้วยตัวเอง

“สำหรับเรื่อง Confident หรือความมั่นใจ ต้องบอกว่าในยุคปัจจุบัน มีข่าวลวงข่าวปลอมจำนวนมากบนโลกออนไลน์และอาจทำให้เกิดการสื่อสารและรับรู้ที่ไม่ถูกต้อง YAMAHA จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ โดยข้อมูลที่ YAMAHA นำเสนอบนโลกออนไลน์จะต้องเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ เป็นข้อมูลที่เป็นจริงสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ โดยทุกอย่างที่เราสื่อสารออกไปจะต้องเป็นความจริงทั้งสิ้น”

และเรื่องสุดท้าย Ties หรือความผูกพัน ที่เกิดขึ้นกับลูกค้า ถือเป็นเป้าหมายของการสื่อสารของ YAMAHA ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Online หรือช่องทาง Offline หรือกิจกรรมอื่นๆ ถ้าทำแล้วลูกค้าไม่รู้สึกผูกพันกับ YAMAHA ก็จะไม่ทำให้เสียเวลา เพราะสุดท้ายผลลัพธ์คือลูกค้าต้องผูกพันกับแบรนด์ เมื่อลูกค้ามีความผูกพันแล้ว ลูกค้าก็จะเป็นช่องทางที่สำคัญในการบอกต่อในโลกออนไลน์ การที่ลูกค้าพูดให้ลูกค้าฟังด้วยกันเอง ดีกว่าที่แบรนด์พูดออกไปเพราะเกิดจากประสบการณ์จริงของลูกค้า

หลักการ 5 ข้อสู่รางวัลบนโลกออนไลน์

YAMAHA

“ด้วยการยึดหลักการทั้ง 5 ข้อนี้เอง ที่ทำให้ YAMAHA ประสบความสำเร็จในการสื่อสารบนโลกออนไลน์ และเป็นส่วนนึงในการคว้า 4 รางวัลดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งทุกแพลตฟอร์มทั้งเว็บไซต์และโซเชียลเน็ตเวิร์คในปีนี้ อย่าง รางวัล Best Automobile Website จากงาน WEB AWARD 2018, รางวัล Award of distinction ในหมวดของ Websites General Automotive และ Award of Distinction ในหมวดของ Online Advertising – Microsite สำหรับแคมเปญรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า คิวบิกซ์ งาน COMMUNICATOR AWARDS 2018 ซึ่งเป็นจาก 2 สถาบันชั้นนำระดับนานาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา

รางวัล Best Automobile Website จากงาน WEB AWARD 2018
รางวัล Award of distinction ในหมวดของ Websites General Automotive
รางวัล Award of distinction ในหมวดของ Websites General Automotive
รางวัล Award of Distinction ในหมวดของ Online Advertising – Microsite แคมเปญ Yamaha QBIX Society

และล่าสุดในประเทศไทยได้รับ รางวัล Thailand’s Most Social Power Brand 2019 ซึ่งเป็นการคัดเลือกบริษัทที่มีความโดดเด่นในโลกออนไลน์ในแต่ละหมวดอุตสาหกรรมซึ่งครอบคลุม Platform ทั้ง 4 ช่องทางหลักอย่าง Facebook, YouTube, Twitter และ Instagram” ซึ่งจัดทำโดย WISESIGHT บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีฟังเสียงผู้บริโภคบนสื่อออนไลน์และผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียล

โดยการตัดสินจะใช้เกณฑ์วัด 6 ด้านด้วยกันทั้ง ปริมาณการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผู้ติดตาม, ประสิทธิภาพการเพิ่มขึ้นของจำนวนกลุ่มเป้าหมาย, ประสิทธิภาพหรือความสนใจต่อเนื้อหา, การกระจายเนื้อหาผ่านปริมาณการแชร์บนโซเชียลมีเดีย, ความรู้สึกและความนึกคิดที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ ผ่านช่องทาง Social Media ของแบรนด์ และคนที่พูดถึงแบรนด์ โดย YAMAHA ผ่านเกณฑ์การวัดจนได้ 60 คะแนน สูงสุดในกลุ่มรถจักรยานยนต์

“แน่นอนว่ารางวัลเป็นสิ่งที่ยามาฮ่าภูมิใจเพราะเป็นรางวัลที่ได้มาจากการวัดผลในหลากหลายมิติและเป็นไม้บรรทัดที่ชี้วัดความสำเร็จของแบรนด์ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเพื่อคงมาตราฐานในการทำงานต่อไป

การสร้างความมั่นใจจะช่วยให้ลูกค้าเชื่อมั่น

“ทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจของ YAMAHA ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าผ่านการสื่อสารครบทุกรูปแบบตั้งแต่การทำ QR Code, VR เป็นต้น ซึ่งไอเดียการสื่อสารกับลูกค้าทั้งหมดเกิดจากทีมดิจิทัลของ YAMAHA เอง โดยร่วมกับแผนกอื่นๆ เพื่อหาความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง”

คุณสรวงสุดา ยังบอกอีกด้วยว่า เพราะโลกดิจิทัลจึงทำให้พฤติกรรมการซื้อรถจักรยานยนต์เปลี่ยนไป โดย Customer Journey ในปัจจุบันลูกค้าจะเข้าไปค้นหาข้อมูลในออนไลน์ ผ่านการเสิร์ชข้อมูลใน Google จากนั้นจะค้นหารีวิวหรือคอมเม้นท์ที่พูดถึงสินค้าที่ต้องการ

แต่สุดท้ายลูกค้าจะเชื่อในสิ่งที่ YAMAHA บอกตามหลักการ Confident ด้วยการกลับเข้ามาหาข้อมูลใน Platform ในแต่ละช่องทางของ YAMAHA เอง เป็นการรีเช็คอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ www.yamaha-motor.co.th รวมไปถึงช่องทาง Social ต่างๆ ทั้ง Facebook, YouTube, Instagram ภายใต้ชื่อ Yamaha Society Thailand

“ปัจจุบันโฆษณาทางทีวีสร้างให้เกิดความสนใจ แต่ลูกค้าจะเข้ามาหาข้อมูลในโลกออนไลน์ และเมื่อลูกค้าเจอ Platform ในแต่ละช่องทางของเราแล้ว ลูกค้าจะพบว่าเรามีกิจกรรมมากมายที่สามารถเข้าร่วมได้ ทั้งกลุ่มที่เป็นลูกค้า YAMAHA กลุ่มที่ยังไม่เป็นลูกค้า YAMAHA และกลุ่มที่กำลังจะเป็นลูกค้าของ YAMAHA ซึ่งหลังจากนั้นลูกค้าก็จะเกิดประสบการณ์ที่เรามอบให้”

สิ่งที่ YAMAHA จะได้รับเมื่อลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมกับ YAMAHA คือการบอกต่อในรูปแบบของการถ่ายรูปแล้วแชร์ในโลกออนไลน์ และ YAMAHA จะสามารถเก็บข้อมูล (Data) ของแต่ละคนได้จากการสร้างแฮชแท็กต่างๆ นอกจากนี้ลูกค้าเองก็มีความภูมิใจเวลาที่รูปของตัวเองถูกนำมาลงในเว็บไซต์หรือ Facebook ซึ่งก็จะเกิดการบอกต่อให้เข้ามาดูรูป รวมถึงชักชวนคนอื่นให้เข้าร่วมกิจกรรมในโอกาสต่อไป

การสื่อสารบนโลกออนไลน์ที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย

“ยกตัวอย่างการสื่อสารออนไลน์จากงาน Automatic is NOW! Festival ซึ่งจัดเป็นปีที่ 2 โดยเป็นงานใหญ่ของกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติก และมีการเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนเริ่มงาน พร้อมด้วยของแจก ของแถมและโปรโมชั่นมากมาย วิธีการดังกล่าวจะช่วยให้เราสามารถเช็คจำนวนคนเข้าร่วมงาน รวมไปถึงเช็คโปรโมชั่นแบบไหนที่ลูกค้าชอบ ผ่านการสอบถามถึงความต้องการในตอนลงทะเบียนออนไลน์ และสามารถเสริมหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมได้ตามความต้องการของลูกค้าก่อนงานเริ่มทันที”

ยิ่งไปกว่านั้นการลงทะเบียนออนไลน์ ยังช่วยให้สามารถจัดเตรียมของแจกไว้เพียงพอ สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานทางออนไลน์ โดยคนกลุ่มนี้จะแชร์รายละเอียดของงาน พร้อมถ่ายรูปลงในโลกออนไลน์ ก่อให้เกิดการชักชวนมาร่วมงาน โดยเฉพาะโปรโมชั่นที่จัดขึ้นพิเศษสำหรับภายในงานเท่านั้น

“เชื่อหรือไม่ถึงขนาด ก่อนกิจกรรมจะเลิกในเวลา 3 ทุ่ม ยังมีคนเข้ามาซื้อรถจักรยานยนต์ เพราะเกรงว่าวันอื่นจะไม่ได้โปรโมชั่นแบบในงาน ทำให้หลายครั้งงานต้องเลิกช้าลง เพราะเจ้าหน้าที่ของเราต้องทำเรื่องการขอสินเชื่อ ไม่ใช่แค่งานนี้เท่านั้นแต่เวลาที่เราไปจัดกิจกรรมในต่างจังหวัด เราจะพบเห็นสถานการณ์แบบนี้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบการสื่อสารออนไลน์แบบนี้จะช่วยให้กระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น”

YAMAHA

YAMAHA แตกเซ็กเมนต์ Trend Setter

สำหรับเทรนด์ของตลาดรถจักรยานยนต์ YAMAHA มองว่า รถออโตเมติกระดับพรีเมียมกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หรือก็คือกลุ่มรถออโตเมติกที่มีเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซีขึ้นไปจนถึง 300 ซีซี หรือในตระกูล Max Series อย่าง Yamaha X-MAX, Yamaha N-MAX และYamaha AEROX ซึ่งมีการเติบโตสูงมาก บางรุ่นมีอัตราเติบโตเกือบ 100%

“ตอนนี้เรากำลังจะแบ่งเซ็กเมนต์ให้มีความละเอียดสูงมาก โดยจะดูจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าผ่านข้อมูลบนโลกออนไลน์ เช่น เป็นคนหัดขี่รถ ต้องการใช้รถในเมือง เป็นผู้หญิง ขาไม่ถึงพื้น ก็จะมีรถออโตเมติกขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ดีไซน์สวยงามเป็นทางเลือก เรากล้าบอกเลยว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มออโตเมติกที่ปัจจุบันเรามีรุ่นที่ขายมากที่สุดในตลาด”

คุณสรวงสุดา ชี้ว่า ที่ต้องแบ่งเซ็กเมนต์ให้ละเอียดเป็นเพราะลูกค้าไม่ได้มองรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะอีกต่อไป หากแต่มองว่าเป็นสิ่งสะท้อนตัวตนของลูกค้า ซึ่งคนอื่นที่เห็นรถจะรู้ได้เลยว่าคนขับขี่เป็นคนอย่างไร เช่น คนดิจิทัลก็จะชอบรุ่น Yamaha QBIX ที่มีดีไซน์ล้ำๆ ไม่ต้องซ้ำกับใคร เป็นต้น ซึ่งการใช้งานต้องเหมาะกับไลฟ์สไตล์ด้วย เช่น ชอบความเร็ว ซอกแซกง่าย แต่ต้องขี่สบายก็ต้อง Yamaha AEROX อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สุดท้ายลูกค้าจะเลือกรถจักรยานยนต์จากลักษณะของตัวตน (Character) และไลฟ์สไตล์

“ในระบบออนไลน์เรามีการทำ Retargeting ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่า ลูกค้าที่สนใจรถรุ่นนี้ชอบดูอะไร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน เมื่อเวลาที่เราจะจัดกิจกรรมอะไรขึ้นมา ข้อมูลส่วนนี้จะถูกดึงออกมาเพื่อให้สามารถจัดรูปแบบงานได้โดนใจของลูกค้า รวมไปถึงการแต่งรถผ่านข้อมูลความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เกิดรถจักรยานยนต์แบบ Personalize ซึ่งปัจจุบันเรามีการใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการแต่งรถและการสร้างกิจกรรมต่างๆ”

สุดท้ายสิ่งที่ YAMAHA หวังที่สุด คือ การที่ลูกค้าเลือกเป็นลูกค้าของ YAMAHA ตลอดไป เพราะ YAMAHA มีรถที่รองรับการเติบโตและรองรับทุกๆ ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

“เราจะเติบโตไปพร้อมๆ กับลูกค้า เมื่อพ่อเลิกขี่ ลูกก็มาขี่รถพ่อต่อ พ่อขี่ไปทำงาน ลูกสามารถขี่เป็นกิจกรรมได้”

จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ YAMAHA กำลังมองคือการฉีกกฎของรถจักรยานยนต์ที่ในอดีตพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพเป็นหลัก แต่ YAMAHA กำลังมองถึงสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของผู้ขับขี่ผ่านโลกดิจิทัล นั่นหมายความว่า การแสดงถึงตัวตนของผู้ขับขี่คือสิ่งสำคัญ ยิ่งเมื่อมีการสื่อสารทางด้านออนไลน์ที่ช่วยให้ YAMAHA เข้าถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ยิ่งช่วยสะท้อนถึงหลักการทำงาน 5 ด้านของ YAMAHA จึงไม่แปลกที่ YAMAHA จะเป็นค่ายรถจักรยานยนต์ที่มีความแข็งแกร่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


  • 8.1K
  •  
  •  
  •  
  •