เมื่อ COVID-19 คลี่คลาย ทั่วโลกทยอยเปิดประเทศ ปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นคือ “Revenge Travel” หรือ “เที่ยวล้างแค้น” ผู้คนต่างออกเดินทางท่องเที่ยว ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพลิกฟื้นกลับมา และหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวคือ “ฮ่องกง” เพราะตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะสายกิน เที่ยว ช้อป สายมู รวมไปถึงสายอาร์ต ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายทั้งรถไฟฟ้า – รถประจำทางที่ทั่วถึง และระบบชำระเงินผ่าน Octopus ครอบคลุมเกือบทุกร้านค้า ทุกบริการทั่วเกาะ
ขณะเดียวกันฮ่องกงยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็น Global Destination ของภูมิภาคเอเชีย ทั้งด้านการท่องเที่ยว และด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ด้วยการมีแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ที่สามารถดึงดูดผู้คนทั่วโลกอย่างโครงการ “Victoria Dockside” ตั้งอยู่บนอ่าววิคตอเรียในย่านเศรษฐกิจ “จิม ซา จุ่ย” (Tsim Sha Tsui) เป็น Mixed-use Development ครอบคลุมพื้นที่กว่า 280,000 ตารางเมตร พัฒนาโดยกลุ่มบริษัท “K11 Group” ภายในประกอบด้วยศูนย์การค้า, อาคารสำนักงาน, ที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี, สถานที่ท่องเที่ยว และโรงแรม
Marketing Oops! ชวนไปดูโครงการ Victoria Dockside แบบเจาะลึกตั้งแต่ย้อนเส้นทางความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้จากจุดเริ่มต้นเป็นท่าเรือขนส่งสินค้า พัฒนาสู่โครงการ Mixed-use ในปัจจุบัน พร้อมพาชมองค์ประกอบต่างๆ ภายในโครงการที่สร้างสรรค์โดยศิลปิน สถาปนิก ภูมิสถาปนิก และนักออกแบบชื่อดังทั้งในฮ่องกง และจากทั่วโลกกว่า 100 คน พิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดแบบสุดๆ
ย้อนรอยกว่าจะมาเป็น “Victoria Dockside” จากท่าเรือศูนย์กลางโลจิสติกส์ สู่โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก
ก่อนจะเป็นโครงการ “Victoria Dockside” บนอ่าววิคตอเรีย เดิมทีในอดีตสถานที่แห่งนี้เป็นท่าเรือ “Holt’s Whaft” ในปี 1910 ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ระดับโลกที่ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นประตูสู่ตะวันออกไกล และมีบทบาทสำคัญในการเป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก
จากนั้นในปี 1971 “บริษัท New World Development” กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกงได้เข้าซื้อพื้นที่อู่ต่อเรือ เพื่อสร้าง “New World Centre” โครงการศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้น
ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับพื้นที่แห่งนี้ให้รองรับผู้คนและธุรกิจได้มากขึ้น “เอเดรียน เฉิง” (Adrian Cheng) ผู้ก่อตั้ง K11 Group และทายาทรุ่น 3 ของ New World Development ได้มีแผนพัฒนาสถานที่นี้ให้เป็นโครงการ Mixed-use Development ภายใต้ชื่อ “Victoria Dockside” ซึ่งคำว่า Victoria สื่อถึงอ่าววิคตอเรีย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของชาวฮ่องกง ขณะที่ Dockside สื่อถึงยุคทองของ Holt’s Wharf ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก
“Victoria Dockside” อยู่ภายใต้การดูแลและบริหารโดย K11 Group มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 280,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอลมาตรฐานถึง 40 สนาม! ตั้งอยู่ริมอ่าววิคตอเรียของย่านทำเลทองอย่างจิม ซา จุ่ย (Tsim Sha Tsui) ย่านการค้า-ย่านเศรษฐกิจสำคัญ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวมาแรงของเกาะฮ่องกง
โดย เอเดรียน เฉิง ในฐานะผู้อำนวยการสร้างต้องการพัฒนาให้เป็นย่านวัฒนธรรมและการค้าแบบใหม่ผสมผสานระหว่าง “ศิลปะ – ผู้คน – ธรรมชาติ” เพื่อมอบพลังแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และการค้าแบบใหม่ ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ให้กับท่าเรือประวัติศาสตร์แห่งนี้
รวม 100 พลังความสร้างสรรค์จากศิลปิน-สถาปนิก–ภูมิสถาปนิก–นักออกแบบทั่วโลก
เบื้องหลังการพัฒนาโครงการ Mixed-use แห่งนี้มาจากการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ทั้งศิลปิน สถาปนิก ภูมิสถาปนิก และนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ทั้งในฮ่องกงและทั่วโลก 100 ราย อาทิ Zhang Enli ศิลปินจากเซี่ยงไฮ้ ผู้จัดนิทรรศการ ณ Tate กรุงลอนดอน และ Centre Pompidou กรุงปารีส, James Corner ผู้ออกแบบ The High Line ในนิวยอร์ก, Kohn Pedersen Fox (KPF) รวมถึงบริษัทออกแบบภายในประเทศ เช่น LAAB และ OMA
โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 10 ปี สร้างสรรค์ออกมาเป็น Mixed-use Project ภายในประกอบด้วย 5 ส่วนคือ
– ห้างสรรพสินค้า – K11 MUSEA
– สถานที่ท่องเที่ยว – Avenue of Stars และ Salisbury Garden
– ที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี – K11 ARTUS
– อาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ – K11 ATELIER
– โรงแรม – Rosewood Hong Kong และ Rosewood Residence
มาเจาะลึกกันว่าแต่ละองค์ประกอบของ Victoria Dockside มีแนวคิดการออกแบบ และตกแต่งอย่างไรให้สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก
“K11 MUSEA” ซิลิคอนวัลเลย์ทางวัฒนธรรมของฮ่องกง
ห้างสรรพสินค้า K11 MUSEA ถือเป็น Destination หลักที่เปรียบเสมือน “ซิลิคอนวัลเลย์ทางวัฒนธรรม” ของฮ่องกงที่ปฏิวัติห้างสรรพสินค้าให้แตกต่างจากรูปแบบดั้งเดิม ออกแบบด้วยแนวคิด “A Muse by the sea” ถ่ายทอดตำนานเทพเจ้ากรีก และเทพีแห่งศิลปะวิทยาการ 9 นาง ผู้มอบแรงบันดาลใจให้กับศิลปะแขนงต่างๆ ทำให้อาคารแห่งนี้ผสมผสานทั้งการออกแบบสุดล้ำ กับการจัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมอันโดดเด่นตลอดทั้งปี ทำให้ใครที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้จะได้สัมผัสงานศิลปะตลอดทั้งอาคาร เช่น
– บริเวณทางเข้า ออกแบบโดย P Landscape Thailand ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของแถบตะวันออกกลาง และเป็นการเฉลิมฉลองความเจริญรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหมยุคโบราณ
– ปุ่มลิฟต์ดีไซน์เป็นหน้าหนังสือที่เปิดค้างไว้ เป็นหนึ่งใน 100 ดีไซน์การออกแบบ โดยหน้าหนังสือที่ตั้งอยู่แต่ละชั้นมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรู้ ประสบการณ์ และการสำรวจ ให้ลูกค้าได้ก้าวสู่การเดินทางแห่งจินตนาการไปพร้อมกัน
– Opera Theatre ตั้งอยู่เอเทรียม ชั้น G ออกแบบมาเพื่อแต่งแต้มจินตนาการของทุกคนให้เสมือนอยู่ในจักรวาลแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ประทับด้วยไฟคริสตัลบอลที่ปรับแสงให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม จำนวน 1,800 ดวงจาก Speirs & Major โดย Opera Theatre ได้รับรางวับการออกแบบภายในยอดเยี่ยมในเทศกาลสถาปัตยกรรมโลกในปี 2020
– Gold Ball บริเวณชั้น G เป็นศูนย์กลางของ K11 MUSEA และเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อเนกประสงค์สำหรับจัดนิทรรศการ, อีเว้นท์, ป๊อปอัพสโตร์ ออกแบบด้วยชุดโครงตาข่ายรูปสามเหลี่ยมพร้อมแผงกระจกรูปตัววี และไฟ LED ที่สามารถตั้งโปรแกรมให้สร้างเอฟเฟ็กต์ได้หลากหลาย และมอบการมองเห็นแสงที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละมุมมอง
– DONUT PLAYHOUSE ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก Ole Barslund Nielsenb เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้กับครอบครัวแบบครบวงจร ด้วยเกมแบบอินเทอร์แอคทีฟ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่ขายของที่ระลึก
“Avenue of Stars” สถานที่ท่องเที่ยว–พักผ่อนสุดฮิตของฮ่องกง
“Avenue of Stars” เป็นทั้งจุดท่องเที่ยวและพักผ่อนยอดนิยม ท่ามกลางบรรยากาศวิวทะเล และติดกับสวน Salisbury Garden สร้างสรรค์โดยทีมนักออกแบบหลายภาคส่วน ทั้งบริษัทออกแบบภูมิทัศน์และพื้นที่เมืองจากนิวยอร์ก, บริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบแสงไฟสัญชาติอังกฤษ James Corner Field Operations และ บริษัทออกแบบภายในประเทศ LAAB
หลังจากปิดปรับปรุง Avenue of Stars กว่า 3 ปี และเปิดเข้าชมอีกครั้งในปี 2019 ที่ผ่านมา ได้เพิ่มที่นั่งเพื่อรองรับผู้มาเยือนเพิ่มขึ้น 2 เท่า และมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น 8 เท่า พร้อมย้ายรอยประทับมือของบุคคลที่มีชื่อเสียงไปอยู่บริเวณราวจับ เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น
“K11 ARTUS” ที่อยู่อาศัยลักชัวรี ผสานการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์จีน
ที่พักอาศัยระดับลักชัวรีที่มีเป้าหมายในการสานต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมงานช่างฝีมือจีนที่กำลังจะเลือนหายไป ผสานระหว่างคำว่า ART และ Domus รากศัพท์มาจากภาษาละติน ที่มีความหมายว่าบ้าน เพื่อออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “Artisanal Home” ที่หลอมรวมการออกแบบสถาปัตยกรรมอันยอดเยี่ยมและคอลเลกชันศิลปะระดับโลก เพื่อกำหนดนิยามใหม่ให้กับประสบการณ์การพักอาศัย
– ตัวอาคารออกแบบโดย Kohn Pedersen Fox ผู้ชนะรางวัลการออกแบบบ้านในนิวยอร์ก
– ออกแบบภายในโดย André Fu สถาปนิกชื่อดัง และทีมสตูดิโอ AFSO ที่เขาเป็นเจ้าของ
– ภายใน K11 ARTUS ประกอบด้วยที่พักอาศัยจำนวน 287 ยูนิต โดยห้องพักบางยูนิตสามารถชมทิวทัศน์ของอ่าววิคตอเรียจากระเบียงส่วนตัว
– นอกจากนี้ได้จับมือกับ K11 Craft & Guild Foundation (KCG) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งโดยเอเดรียน เฉิง เพื่อสานต่อความตั้งใจในการอนุรักษ์และฟื้นฟูงานหัตถศิลป์จีน โดยงานศิลปะใน K11 ARTUS ถูกคัดสรรมาอย่างดีภายใต้ความร่วมมือกับ KCG และเปิดจำหน่ายผลงานศิลปะส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลแก่ผู้พักอาศัย โดย 1% ของรายได้ทั้งหมดจะถูกบริจาคให้กับมูลนิธิ เพื่อสนับสนุนช่างฝีมือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับงานฝีมือเหล่านี้ต่อไป
“K11 ATELIER” อาคารสำนักงานชูแนวคิด Vertical Creative City
K11 ATELIER อาคารสำนักงานโครงการแรกภายใต้ K11 Group ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Vertical Creative City” เพื่อให้สอดรับวิถีการทำงานยุคใหม่ ที่ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเพิ่ม productivity ให้ผู้ที่เข้ามาทำงานในพื้นที่แห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ เช่น พื้นที่ Paris Art Gallery Perrotin บนชั้น 8
– ภายในอาคารมีทั้งพื้นที่สังสรรค์ และพื้นที่เปิดโล่ง รวมถึงผนังล็อบบี้ เพื่อไว้จัดแสดงงานศิลปะและผลงานการออกแบบที่ถ่ายทอดแนวคิดด้านความยั่งยืน
– เพดานของ Café Infuse สร้างขึ้นจากไม้ที่มาจากเรือเก่าทั่วโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของ Victoria Dockside ในฐานะท่าเรือในอดีต
“Rosewood Hong Kong” โรงแรมหรูท่ามกลางวิวชายฝั่งทะเล
ในโครงการ Victoria Dockside ยังมีลักชัวรีโฮเทล “Rosewood Hong Kong” มอบประสบการณ์การพักผ่อนอันเหนือชั้น ทั้งด้านการออกแบบอย่างมีสไตล์ ที่พัก อาหาร ตลอดจนการออกแบบตกแต่งภายในอันโดดเด่น และบริการครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ท่ามกลางทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลที่มอบความผ่อนคลายให้กับทุกการพักผ่อน
– Rosewood Hong Kong คือหนึ่งในโรงแรมที่มีจำนวนห้อง Suites มากที่สุด
– ห้องพักตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของท่าเรือและเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน
– ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง Avenue of the Stars ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง
เต็มอิ่มกับนิทรรศการกราฟิตี – สตรีทอาร์ท รวมผลงานจากศิลปินทั่วโลก
สำหรับใครที่มาเที่ยว Victoria Dockside ในระหว่างวันที่ 20 มีนาคม ถึง 14 พฤษภาคม 2023 ที่ห้างฯ K11 MUSEA มีนิทรรศการ “CITY AS STUDIO” รวบรวมและจัดแสดงแสดงผลงานชิ้นสำคัญของศิลปินแนวสตรีทอาร์ตจากเมืองต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก เซาเปาโล ปารีส และโตเกียว ผ่านการนำเสนอผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวที่สำคัญของสตรีทอาร์ตซึ่งยังคงคุณค่ามาถึงปัจจุบัน
นิทรรศการ “CITY AS STUDIO” จะพาผู้ชมไปรู้จักและย้อนรอยความเป็นมาของกราฟิตีและสตรีทอาร์ต ตั้งแต่การถือกำเนิดงานศิลปะประเภทนี้ครั้งแรกในลานรถไฟใต้ดินและลานจอดรถในเมืองนิวยอร์กช่วงปี 1970 จนกลายเป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลก โดยริเริ่มจากผู้เคลื่อนไหวคนสำคัญ เช่น Fab 5 Freddy, FUTURA และ Jean-Michel Basquiat ซึ่งมีผลงานสำคัญในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 และยังมีศิลปินที่โดดเด่นอีกหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น Barry McGee, Mister Cartoon และ OSGEMEOS ซึ่งได้สร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่ในเมืองซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิสฝั่งตะวันออก และเซาเปาโล
นอกจากนี้ยังรวบรวมผลงานและวิวัฒนาการของศิลปินชื่อดัง เช่น KAWS และ AIKO ซึ่งเป็นตัวแทนของศิลปินแนวสตรีทรุ่นใหม่ของนิวยอร์กไว้อีกด้วย
ผลงานไฮไลท์ในนิทรรศการ CITY AS STUDIO ประกอบไปด้วย
– Valentine (1984) โดย Jean-Michel Basquiat จากคอลเลกชันศิลปะส่วนตัวของ Paige Powell
– The Bomb (1983) โดย CRASH
– Untitled (1983) โดย Keith Haring
– Basquiat (Red) (2010) โดย Shepard Fairey
– El Diablo (1985) โดย FUTURA จากคอลเลกชันศิลปะส่วนตัวของ KAWS
– Eye Contact #13 (2018) จาก JR
ใครที่กำลังมี plan ไปฮ่องกง อย่าลืมแวะ “Victoria Dockside” อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเกาะฮ่องกงที่ตอบโจทย์ครบทั้งเรื่องกิน – เที่ยว – ช้อป – เสพงานอาร์ตและคัลเจอร์ – แชะแอนด์แชร์