สื่อต่างประเทศรายงานข่าวเฮลิคอปเตอร์ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ประสบอุบัติเหตุตกข้างสนามแข่งขัน หลังจบแมตช์แข่งขัน “ทีมเลสเตอร์ ซิตี้” เปิดบ้านคิง พาวเวอร์ สเตเดียม พบกับ “เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด” โดยมีรายงานว่าผู้โดยสารทั้งหมด 8 คน หนึ่งในนั้นคือ “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ก่อตั้งกลุ่ม King Power และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอแถลงการณ์จากทาง King Power
สำหรับ “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” เป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย โดยเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรดิวตี้ฟรี ในชื่อ “King Power” ปัจจุบันได้รับสัมปทานทั้งในท่าอากาศยานต่างๆ ของไทย และได้เปิดในรูปแบบ Complex (Stand Alone) ตามเมืองท่องเที่ยว
นอกจากนี้ในปี 2553 “คุณวิชัย” ยังได้ซื้อสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ และปัจจุบันนั่งเป็นประธานสโมสรฯ ภายหลังอยู่ภายใต้ชายคากลุ่ม King Power ทำให้สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ เลื่อนชั้นไปอยู่ใน Premier League พร้อมคว้าแชมป์ฤดูกาล 2015 – 2016 มาครองได้สำเร็จ
นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2561 ได้เผยทำเนียบ “50 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561” จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร FORBES พบว่า “วิชัย ศรีวัฒนประภา ติดอันดับ 5 มหาเศรษฐีของเมืองไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.625 แสนล้านบาท
เปิดเส้นทาง “King Power” เจ้าสัววิชัยปั้นมากับมือ!!
เส้นทางของ “เจ้าสัวดิวตี้ ฟรีแห่งเมืองไทย” เริ่มต้นขึ้นในปี 2532 – 2537 ได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษี และอากรในเมืองแห่งแรกของประเทศไทย ที่อาคารมหาทุนพลาซ่า
จากนั้นปี 2536 – 2545 ได้รับสัมปทานให้เปิดร้านจำหน่ายสินค้าทั่วไปที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
ปี 2540 – 2549 ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษีและอากรในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และได้รับสัมปทานให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีและอากรที่ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานภูเก็ต
และแล้วอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ King Power เกิดขึ้นในปี 2549 ได้ก่อตั้ง King Power Duty Free Downtown Complex เป็นร้านค้าปลอดภาษีและอากรในเมืองแห่งแรก บนถนนรางน้ำ กรุงเทพฯ
ในปีเดียวกัน King Power ได้รับสัมปทานใหญ่ในการบริหารจัดการพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี และอากร พร้อมพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่
ปี 2554 ได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีและอากรในต่างจังหวัดแห่งแรกของไทย ทางภาคตะวันออก คือ King Power Complex สาขาพัทยา
ปี 2555 ได้รับสัมปทานให้เปิดร้านที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มาถึงทุกวันนี้ และในปี 2556 ได้รับใบอนุญาตเปิดคิง เพาเวอร์ ศรีวรา คอมเพล็กซ์
ถึงปัจจุบัน “King Power” มีสาขาในรูปแบบ Complex (Stand Alone) 4 แห่ง คือ รางน้ำ, พัทยา, ศรีวรา และภูเก็ต ขณะเดียวกันได้รับสัมปทาน 6 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ภูเก็ต และอู่ตะเภา
ตั้งเป้า Top 5 ดิวตี้ฟรีระดับโลก ด้วยยอดขาย 140,000 ล้านบาทในปี ’64
ปัจจุบันอาณาจักร King Power ครอบคลุมทั้งธุรกิจรีเทล (Duty Free), โรงแรม, โรงละครอักษรา และภัตตาคารรามายณะ รวมทั้งได้ Diversify ธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยว โดยในปี 2559 ได้ถือหุ้นใน บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ดำเนินธุรกิจสายการบินไทยแอร์เอเชีย ในสัดส่วน 39% จากนั้นในปีถัดมา “คุณธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้ซื้อหุ้นคืน 36.3% ทำให้ King Power ถือหุ้นใน AAV 3.5%
นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นปีนี้ กลุ่ม King Power ยังได้ทุ่ม 14,000 ล้านบาท ซื้อโครงการมหานครจาก “เพซ ดีเวลลอปเมนท์” เพื่อต่อยอด และเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ King Power ในการรุกธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และสร้างมูลค่าเพิ่มบนที่ดินดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
ปัจจุบัน “เจ้าสัววิชัย” เริ่มส่งไม้ต่อให้กับทายาท หนึ่งในทายาทที่มารับหน้าที่บริหารอาณาจักรต่อ คือ “คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ได้วางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2560 – 2564) ต้องการสร้างการเติบโตด้านยอดขายแตะระดับ 140,000 ล้านบาท พร้อมทั้งผลักดันให้ธุรกิจ “King Power” ติดอันดับ Top 5 ของร้านค้าปลอดภาษีและอากรในระดับโลก
นอกจากนี้วางแผนขยายร้านปลอดภาษีและอากรสาขาใหญ่ บนทำเลในเมือง พร้อมทั้งมีแผนขยายการลงทุนธุรกิจ Duty Free ในต่างประเทศ และพัฒนาแพลตฟอร์ม “ช้อปปิ้ง ออนไลน์” ที่คาดว่าตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ช่องทางออนไลน์ จะสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม King Power ไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท จากยอดขายรวม
