ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเมื่อ Yahoo โดน Verizon สอยไปซะแล้ว! กว่าจะเข้าใจถึงที่มาของข่าวใหญ่ในวงการด็อทคอมนี้เรามาเช็กกันก่อนว่าตัวเราเองรู้จัก 2 บริษัทนี้ดีแค่ไหน?
บริการอะไรของ Yahoo ที่คุณใช้ครั้งสุดท้ายและวันนั้นคือปีไหน?
เชื่อว่า 85% ของคนไทยที่ใช้เน็ตตั้งแต่ยุคโมเด็มต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “Yahoo Mail” เมื่อ 5-6 ปีมาแล้ว! (ซึ่งวันนี้ทั้งคนทั่วไปและองค์กรก็ต่างเลือกใช้ Gmail/Google Apps กันหมดแล้ว)
แล้ว Verizon บริษัทนี้เขาขายอะไร?
Verizon คือค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในอเมริกาตามสถิติของ Wikipedia บอกว่าเขาเป็นเบอร์ 1 ตลาดด้วยยอดผู้ใช้ในเครือข่ายกว่า 141 ล้านคน!
แล้วเงินที่ Verizon ยอมจ่ายซื้อ Yahoo ถึง 1.7 แสนล้านบาทด้วยเงินสด! หวังผลอะไรนะ?
เป้าหมายแรกที่สื่อวิเคราะห์กันไว้ก็คือค่ายมือถือนี้ต้องการบุกโลกแห่งสื่อใหม่อย่างจริงจังโดยเน้นไปที่การหาเงินผ่านสื่อดิจิตอลทั้งเว็บและมือถือ
อันที่จริงการกว้านซื้อบริษัทสื่อของ Verizon ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเขาเคยช้อป AOL ค่ายด็อทคอมแรกๆของอเมริกาไปเรียบร้อยในปีที่แล้วด้วยเม็ดเงินพอๆกันคือ 1.5 แสนล้านบาท
สำหรับYahooบริการเรือธงที่โดดเด่นจนเตะตา Verizon ก็คือ Yahoo Mail, Yahoo Financeที่มีฐานลูกค้ากว่า 600 ล้านรายที่ใช้บริการเหล่านี้ประจำยังไม่รวมถึงเว็บบล็อกอย่าง Tumblr ด้วยเพราะ Verizon รู้ดีกว่าการสร้างฐานลูกค้าขนาดมหึมาแบบนี้ต้องใช้เวลาและเงินมหาศาลเท่านั้น
โดยทาง Verizon หวังว่าการครอบครองYahooมาแล้วจะทำให้ยอดค่าใช้จ่ายมือถือต่อคนสูงขึ้นด้วยบริการเสริมอื่นๆจากYahooรวมถึงรายได้จากโฆษณาเพราะเมื่อได้Yahooมาแล้วทาง Verizon ก็จะมีช่องทางในการขายโฆษณาส่งตรงผ่านเว็บ,แอปฯและยังเพิ่มรูปแบบเนื้อหาโฆษณาให้เข้ากับเทรนด์มากขึ้นเช่นโฆษณาแบบวิดีโอโฆษณาผ่านแอปฯและโซเชียลและที่ขาดไม่ได้ก็คือการต่อยอดบริการระบบคลาวด์ที่Yahooวางรากฐานเอาไว้แน่นหนาแล้วเป็นต้น
ของที่ Yahoo ยังเก็บไว้ไม่ยอมขายคืออะไรที่ยังโดดเด่นในเอเชีย และมีมูลค่าสูงมากๆอันได้แก่ตลาดในญี่ปุ่นและหุ้นที่ดองกับอลีบาบาซึ่งภายหลังจะเปลี่ยนชื่อหน่วยธุรกิจนี้เสียใหม่
และที่ยังคงอยู่กับYahooก็คือ Marissa Mayer ซีอีโอสาวของYahooที่ยังคงดำรงตำแหน่งในทีมYahooแม้จะย้ายไปอยู่กับค่ายใหม่แล้วก็ตาม
สุดท้าย กูรูกล่าวกันว่า ดีลนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงโอกาสคืนทุนเป็นระดับกลางๆแต่ราคาดี! เลยทำให้ Verizon เคาะโต๊ะเข้าฮุบ Yahoo นั่นเอง