ตลาดตู้เติมเงินนั้น เป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ ว่าสัดส่วนของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือนั้น ใช้ระบบบริการแบบเติมเงินนั้นมีมากกว่าผู้ใช้งานระบบรายเดือนเป็นจำนวนหลายเท่าตัวนัก ซึ่งในวันนี้ แบรนด์เติมสบายพลัส ภายใต้กลุ่มธุรกิจบริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น ได้จัดงานเปิดตัวรุกธุรกิจใหม่ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
การเดินหน้าชิงส่วนแบ่งในตลาดตู้เติมเงิน เตรียมเพิ่มตู้อีกเท่าตัว
คุณ ชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม “เติมสบายพลัส” ได้เผยตัวเลขที่น่าสนใจของตลาดตู้เติมเงิน ว่าในประเทศไทยนั้น มีจุดวางตู้เติมเงินราว ๆ 500,000 จุด ซึ่งในตอนนี้ ตลาดมีผู้เล่นใหญ่เพียงแค่ 2 เจ้า คิดเป็น 85% ของสัดส่วนตลาด ได้แก่บุญเติม และเติมสบายพลัส โดยทาง ‘เติมสบายพลัส’ นั้น ปัจจุบันมีจำนวนตู้ที่วางอยู่ทั้งหมด 44,000 ตู้ ซึ่งในปีนี้ได้วางเป้าจะเพิ่มจำนวนตู้ตามจุดวางมากขึ้นอีกเท่าตัว เป็น 80,000 ตู้
เบื้องหลังความสำเร็จ คือความตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
“ตลาดตู้เติมเงินแข่งกันที่นวัตกรรม เทคโนโลยีเปลี่ยนคนในเมือง แต่ไม่ได้เปลี่ยนคนต่างจังหวัด เรามีหน้าที่ทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้น”
คำพูดของคุณชูเกียรติ ที่กล่าวถึงที่มาของความสำเร็จและการเติบโตอันรวดเร็วของ ‘เติมสบาย’ ที่เข้าตลาดมาเพียง 2 ปี แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในตลาดได้ ความสำเร็จนี้เกิดจากการเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายโดยแท้จริง โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ ของตลาดตู้เติมเงินนั้น ได้แก่คนไทยที่ไม่มีบัญชีเงินฝากซึ่งคิดเป็น 40% ของประเทศ
ด้วยปัญหาว่า ในต่างจังหวัดนั้น จำนวนสาขาของธนาคารมีไม่มาก ดังนั้นตู้เติมเงินออนไลน์ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ก็จะเป็นตัวช่วยของพวกเขาเหล่านั้น และอีกกลุ่มเป้าหมายคือคนงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทย ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ธนาคารไม่สามารถเข้าถึงได้
เปิดตัว 2 บริการใหม่ ตู้กดน้ำกระป๋องอัตโนมัติ และแอพพลิเคชั่น Sabuy Shop
นอกจากตู้เติมเงินแล้ว เติมสบายพลัสได้เปิดตัวบริการใหม่อีก 2 บริการอย่างเป็นทางการ อย่างแรกคือ ตู้กดน้ำกระป๋องอัตโนมัติเวนดิ้งพลัส ที่ในปัจจุบันมีจำนวนตู้ประมาณ 200 ตู้ ซึ่งทาง ‘เติมสบายพลัส’ ได้ตั้งเป้าหมายว่า ปลายปีนี้จะเพิ่มจำนวนตู้เป็น 1,500 ตู้ เพื่อที่จะก้าวเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของตลาดตู้กดน้ำกระป๋อง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
อีกหนึ่งบริการนั้นคือแอพพลิเคชั่น Sabuy Shop ที่ทำร่วมกับธนาคารทหารไทย โดยมีจุดประสงค์ในการเข้ามาเป็นตัวช่วยของผู้ประกอบการ SME ให้สามารถเปิดร้านค้า Online ผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ได้ โดยมีจุดแข็งคือลูกเล่นในการควบคุมสต็อคสินค้า โดยตัวแอพฯ นั้นเปิดระบบให้บริการมาเพียง 1 สัปดาห์ มีร้านค้ามาสมัครใช้บริการกว่า 1,000 ร้าน ซึ่งทางแบรนด์ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้ จะมีร้านค้าใช้งานแอพฯมากกว่า 100,000 ร้าน
เตรียมนำกลุ่มธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาส 3 ของปี 62
คุณชูเกียรติ ได้เผยว่า กลุ่มธุรกิจทั้งหมดในตอนนี้ มีรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยรายได้ในปัจจุบัน 90% มากจากตู้เติมเงิน แต่ด้วยการเข้ามาของบริการใหม่ ทำให้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 5 ปีทุกธุรกิจในเครือจะโต 15– 20% และสัดส่วนของรายได้จากตู้เติมเงินจะลดลง พร้อมเผยว่าภายในไตรมาส 3 ของปี 2562 นี้ บริษัทได้เตรียมตัวที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยได้เริ่มการยื่นจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว