หากสามารถเข้าถึงและสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์กับลูกค้าได้มากเท่าไร นั่นหมายถึงโอกาสในการขายที่มากขึ้นตามไปด้วย และเรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ที่ทุกแบรนด์ต้องการทำให้สำเร็จ
เช่นเดียวกับ ‘ยูนิโคล่’ ที่พยายามสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ หรือSeamless Experience ให้กับลูกค้าได้สัมผัสผ่านทุกช่องทางที่มี ไม่ว่าจะเป็นสาขา , การทำอี-คอมเมิร์ซ ผ่านออนไลน์สโตร์ และล่าสุดกับการเปิดสาขารูปแบบใหม่ ‘Roadside Store’ เพื่อครองใจผู้บริโภคในตลาด Fast Fashion และเพิ่มความถี่ในการซื้อให้มากขึ้นกว่าเดิม
“ปรัชญาของแบรนด์เรา คือ LifeWear การเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ในทุกวันสำหรับทุกเพศทุกวัยและในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเรื่องนี้จะถูกถ่ายทอดไปในทุกสิ่งที่เราทำทั้งตัวโปรดักท์ การทำตลาด รวมถึงการสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ กับลูกค้า” โอกุริ โทโมโยชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) กล่าว
สำหรับ Seamless Experience ทางยูนิโคล่ต้องการสร้างให้ลูกค้าได้สัมผัสผ่านทั้งช่องทางแบบ Physical Store หรือสาขา และ Online Store ทาง www.uniqlo.com/th โดยในส่วนของสาขามีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
อย่างช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2561 มีแผนจะเปิด 3 สาขา ได้แก่ สาขารูปแบบใหม่‘Roadside Store’ และอีก 2 สาขา เป็นสาขารูปแบบเดิม ที่เซ็นทรัล มหาชัย และเซ็นทรัล พิษณุโลก จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 35 สาขา
โดย ‘Roadside Store’ หรือ ‘ร้านในทำเลติดถนน’ จะเป็นการแก้โจทย์ในเรื่องข้อจำกัดของการขยายตามศูนย์การค้า นั่นคือ หากมีศูนย์การค้าเปิดใหม่มาก หมายถึงการขยายสาขาของร้านก็จะมาก แต่หากมีศูนย์การค้าเปิดใหม่น้อย การขยายสาขาของร้านก็จะน้อยตาม
นอกจากนี้การที่ศูนย์การค้าส่วนใหญ่ เปิดในทำเลกลางใจเมืองหรือย่านชุมชนที่หนาแน่น สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ ปัญหาการจราจรและหาที่จอดรถยาก ทำให้แบรนด์เสียโอกาสทางการขาย
โทโมโยชิ อธิบายว่า โมเดลดังกล่าว จะเน้นความสะดวก (Convenience)และความสบาย (Comfort) ตามคาแรกเตอร์ของแบรนด์ โดยจุดเด่นอยู่ที่การมีที่จอดรถของตนเอง และมีขนาดพื้นที่ 1,400 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งการมีพื้นที่มาก ทำให้มีสินค้าครบไลน์ ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ คอลเลคชั่นพิเศษ และสินค้าไซด์พิเศษ
สำหรับ ‘Roadside Store’ สาขาแรกจะเปิดให้บริการที่ถนนพัฒนาการ บริเวณซอยพัฒนาการ 58 หน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ มีพื้นที่ประมาณ 1,440 ตารางเมตร มีแผนเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 23 มีนาคมนี้
“โมเดลนี้นำในไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน เป็นประเทศที่ 4 ในเอเชีย ถัดจากญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน เพราะไทยเป็นตลาดที่เติบโตสูงในภูมิภาคนี้ ส่วนที่เลือกทำเลนี้มีศักยภาพของฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เป็นทางผ่านเข้าสู่ใจกลางเมือง รวมถึงความหนาแน่นของประชากรที่อาศัยอยู่ คือ ประมาณ 700,000 คน และหวังว่า จะมีลูกค้าเข้ามาในสาขารูปแบบใหม่เฉลี่ย 2,000-3,000 รายต่อสัปดาห์”
ส่วนการสร้างประสบการณ์ผ่านออนไลน์สโตร์ ทาง www.uniqlo.com/th จะเน้นความง่าย และความหลากหลายของสินค้า มาเป็นจุดขายหลัก ซึ่งทาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) บอกว่า การพัฒนาในเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะเป็นการเสริมการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ เพราะสาขาของยูนิโคล่ในปัจจุบันยังมีน้อยอยู่ คือ 35 สาขา
ขณะที่ตัวโปรดักท์ ด้วยยูนิโคล่เป็นแบรนด์ในกลุ่ม Fast fashion ที่มีการเปลี่ยนแปลงของสินค้ารวดเร็ว และมีปรัชญาของแบรนด์ คือ LifeWear จึงมีการนำเสนอโปรดักท์ใหม่เข้าร้านทุกอาทิตย์
นอกจากนี้ยังมีการเสริมทัพด้วยการออกโปรดักท์พิเศษ และคอลแลบบอเรชั่น ความร่วมมือกับดีไซเนอร์หรือแบรนด์อื่นในการพัฒนาคอลเลคชั่นออกมา อย่างล่าสุดได้ร่วมมือกับ แบรนด์ดังระดับโลก Marimekko เปิดตัวคอลเลคชั่นช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
“ถือเป็นความท้าทายของเราในความพยายามสร้างประสบการณ์ใหม่ในการชอปปิ้งสำหรับลูกค้า เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากกว่าเดิม และเพิ่มความถี่ในการซ้ำ หากถามเราว่า ต้องการเป็นเบอร์ 1 ในตลาดหรือไม่ เราตอบไม่ได้ เพราะการเป็นเบอร์ 1 ของเรามีหลายแง่มุม ในมุมของเรา คือ เป็นแบรนด์ในใจของผู้บริโภค”