บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI ผู้ผลิตกระเบื้องจำหน่ายภายใต้แบรนด์ ‘ดูราเกรส’ และ ‘เซอเกรส’ เผยกลยุทธ์ฝ่ากับดักเศรษฐกิจปี 61 เดินหน้าพัฒนาศักยภาพธุรกิจให้ทันกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ การตอบโจทย์ลูกค้าและการขาย ควบคู่กับการนำดิจิทัลมาสร้างความต่างและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
“ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างปีนี้ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 จากปัญหาทางเศรษฐกิจที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยปีนี้ทั้งปีน่าจะหดตัวลง 7% และสถานการณ์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปในปี 2561 ถ้าไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ”สมบูรณ์ อุรานุกูล กรรมการผู้จัดการ UMI กล่าว
ดังนั้น เพื่อให้ฝ่ากระแสเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และให้ UMI พร้อมแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง นโยบายในปี 2561 ของ UMI จึงมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์กับความต้องการตามยุคสมัย และการใช้งานได้ในทุกรูปแบบ
เริ่มตั้งแต่ตัวสินค้า ที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อคุณภาพที่ได้มาตรฐานสากลยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนานวัตกรรมให้ทันกับเทรนด์ของตลาดและความต้องการผู้บริโภค ทั้งเรื่องดีไซน์และลักษณะของการใช้งาน
โดยในเรื่องดีไซน์ ได้มีการนำเทคโนโลยี Full HD เข้ามาใช้ในการพิมพ์ลายบนกระเบื้องเสมือนจริงและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่มองหาความแตกต่างในแบบที่เป็นตัวตนมากขึ้น (Reflect Your Style) รวมถึงช่วยแก้ปัญหาในเรื่องเฉดสี ทำให้บริหารสต็อกสินค้าได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ลักษณะของการใช้งาน ก็จะมีการพัฒนาออกมาต่อเนื่องเช่นกัน อย่างตอนนี้ที่พูดถึงกันมากและทุกธุรกิจให้ความสำคัญ คือ สังคมผู้สูงวัย หรือ Ageing Society อาทิ การออกแบบผิวกระเบื้องไม่ให้ลื่น เป็นต้น
“แนวทางของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราจะนำเทคโนโลยีที่เป็นระบบดิจิทัล เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อให้คุณภาพที่ได้มาตรฐานสากลยิ่งขึ้น ที่สำคัญช่วยให้เราได้ลวดลายใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น และมีอีกหลายเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามา แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้”
ตั้งเป้าเสริมศักยภาพการขาย
นอกจากการพัฒนาธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ทาง UMI ยังให้ความสำคัญกับการผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายผ่านหลายกลยุทธ์ที่วางไว้ อาทิ การขายแบบเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง และบุกตลาดส่งออกให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกัมพูชา,ลาว,เมียนมาร์ และเวียดนาม หรือ CLMV
“เราจะพัฒนาความร่วมมือแบบไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง โดยเฉพาะในกลุ่มสถาปนิก, ดีไซเนอร์ เฮ้าส์,ดีเวลลอปเปอร์ต่าง ๆ, นักออกแบบมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่เป็นลูกค้าโดยตรงของเรา ซึ่งเราจะนำทีมงานทำโรดโชว์ให้ความรู้ถึงตัวสินค้า บอกเล่าเรื่องเทรนด์ต่าง ๆ ให้กับลูกค้า รวมถึงฟัง feed back และพัฒนาสินค้าร่วมไปกับลูกค้าด้วย”
นอกจากนี้ ด้วยเศรษฐกิจในประเทศมีการชะลอตัว การหันไปเน้นการส่งออกให้มากขึ้น เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ โดยปัจจุบัน UMI มีการขายสินค้าในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงยุโรปบางประเทศ, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, อินเดีย และตะวันออกกลางในบางประเทศ
ส่วนตลาดส่งออกที่จะรุกมากขึ้น หนีไม่พ้นกลุ่ม CLMV เพราะเป็นตลาดที่เติบโตสูง อย่างปีนี้เรามีการเติบโตจากตลาดนี้ไม่ต่ำกว่า 20% ปีหน้าก็ต้องไม่ต่ำกว่านี้ และจากการบุกตลาดส่งออกมากขึ้น จะทำให้สัดส่วนรายได้ในปีหน้าของ UMI เปลี่ยนไป โดยมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มจาก 10% เป็น 15%
บุกออนไลน์ เน้นเข้าถึงลูกค้า-เพิ่มโอกาสขาย
การพัฒนาด้านออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น อี-คอมเมิร์ซ และโซเชียล มีเดีย เพื่อขยายช่องทางการสื่อสาร และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่น่าจดจำให้แก่ผู้บริโภค เป็นอีกกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้สำหรับเพิ่มโอกาสทางการตลาดและปรับให้ธุรกิจทันกับกระแสโลกาภิวัตน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ UMI มีความมั่นคงได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
“ธุรกิจเปลี่ยนไปมาก ผู้บริโภคก็เช่นกันเขาต้องการความสะดวก รวดเร็ว และหลากหลาย ช่องทางออนไลน์จะมาช่วยเรื่องนี้ เพื่อให้ลูกค้าสะดวก เห็นความหลากหลายของกระเบื้องที่เรามีให้มากที่สุด ที่สำคัญยังสามารถเข้าถึงได้ทั้งลูกค้าและดีลเลอร์ที่เรามีกว่า 600 รายทั่วประเทศด้วย”
ล่าสุดได้เปิด www.umipro.com ในคอนเซปต์ ‘ง่ายแค่ปลายนิ้ว ช้อปได้ตามใจสั่งทุกที่ ทุกเวลา’ เปิดให้บริการแบบ one stop service ตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นโชว์รูมในการโชว์สินค้าที่มีความหลากหลายทั้งหมดของแบรนด์ดูราเกรสและเซอเกรส,มีแคตตาล็อค ออนไลน์ไว้ให้ดาวน์โหลด,มีห้องจำลองแบบ 3D และมีโปรแกรมคำนวณการใช้กระเบื้องในแต่ละห้องไว้ให้บริการอีกด้วย
รวมถึงมีการนำเสนอข้อมูลในการเลือกซื้อกระเบื้อง, รูปแบบ Inspire และไอเดียในการตกแต่งสำหรับลูกค้าตามสไตล์ที่ต้องการ ตลอดจนเป็นช่องทางสื่อสารและตอบคำถามกับลูกค้า ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ UMI เป็นเสมือนเพื่อนที่ดีกับลูกค้าตลอดเวลา เรามีบริการรองรับการสั่งซื้อของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยอี-คอมเมิร์ซ ในเฟสแรกจะเริ่มทำกับกลุ่ม end user ก่อนจะขยายไปทำกับกลุ่มคู่ค้า ในเฟส 2
ส่วนเฟส 3 จะเป็นการเปิดตัวเวบดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบในต้นไตรมาสที่ 3 ของปี 61
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของบริการดังกล่าว จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะคนยุคนี้กล้าที่จะแสดงออก และเลือกใช้ สิ่งที่แสดงความเป็นตัวตนมากขึ้น รวมไปถึงกลุ่มคนอายุ 25 – 60 ปี ,กลุ่ม Interior design ,กลุ่มผู้รับเหมา และกลุ่มคนที่ต้องการรีโนเวทบ้าน
นอกจาก www.umipro.com ทางUMI ยังมีช่องทางออนไลน์อีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Corperate ได้แก่ www.umi-tiles.com , เฟสบุ๊ค www.facebook.com/Duragrestiles/ ,Instagram ทาง www.instagram.com/duragres/?hl=th และ Line@ ID – UMItiles
โดยช่องทางเหล่านี้ จะเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนโชว์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความหลากหลายของเราทั้งหมด เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในการแนะนำสินค้าและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั่วไปให้สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเราได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง
“ลูกค้าสามารถเข้าถึงเราได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น ส่วนจุดเด่นของบริการนี้คือ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกเวลาที่ต้องการ เข้าถึงไอเดียและแบบห้องต่างๆที่เราแนะนำไว้ เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพห้องที่ต้องการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมสั่งซื้อได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง และรองรับทุกช่องทางการชำระเงิน ปลอดภัย มั่นใจ 100% การันตีระบบการชำระเงินที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล”
ทางกรรมการผู้จัดการ UMI เชื่อว่า ยุทธศาสตร์วางมาทั้งหมด รวมถึงการดึงดิจิทัลและพัฒนาช่องทางออนไลน์เข้ามามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร จะสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มการเติบโตให้กับบริษัทในปี 2561 ไม่ต่ำกว่า 5 % ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพอใจในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว