ช่วงที่ผ่านมา Kerry Express ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและพัสดุเอกชนรายใหญ่ สร้างความฮือฮาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจสู่รูปแบบของ Financial Service หรือแม้แต่การเปิดตัว Kerry Wallet ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย หลังจากที่การแข่งขันด้านขนส่งเพิ่มดีกรีความรุนแรงมากขึ้น จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ e-Commerce อย่างการเป็นพันธมิตรร่วมกับ SABUY ในการให้บริการด้าน Financial Service ผ่าน ecosystem
โดยล่าสุด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องการเข้ามาถือหุ้น 52.14% ของ Flourish Harmony Holdings Company Limited บริษัทลูกของ SF Holdings ซึ่งการเข้าถือครองหุ้นในครั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ Chain Principle ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ S.F. Holdings Co., Ltd. หรือ SF Holdings ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนในประเทศจีนเข้าเทคโอเวอร์ Kery Properties Limited และ Kerry Logistics Network Limited บริษัทแม่ของ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เมื่อช่วงต้นปีนี้ ด้วยมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือราว 6 หมื่นล้านบาท
ซึ่งการเข้าถือหุ้นในบริษัทแม่ครั้งนี้มีข้อกำหนดชัดเจน ทั้งการห้ามเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการหรือผู้บริหารของ Kerry Express (Thailand) ภายในระยะเวลา 2 ปี และห้ามทำธุรกิจใดๆที่เหมือนหรือคล้ายกับ Kerry Express (Thailand) รวมไปถึงห้ามขยายธุรกิจอื่นๆ ที่จะสามารถเข้ามาแข่งกับ Kerry Express (Thailand) สำหรับ SF Holdings เป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภายในประเทศจีน โดยเป็นผู้ให้บริการร่วมกับแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba และ JD.com รวมถึงยังเป็นผู้ซื้อกิจการ DHL ในประเทศจีนไว้ด้วย โดย SF Holdings มีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท
การเข้ามาลงทุนของบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายการทำธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะ Know-How ในการจัดส่งพัสดุด่วนกับพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างประเทศจีน ซึ่งเมื่อเทียบกับพื้นที่ในประเทศไทยถือว่าเล็กกว่ากันมาก SF Holdings อาจนำเทคโนโลยีหรือรูปแบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในประเทศจีนเข้ามาใช้กับ Kerry Express (Thailand) ด้วย และด้วยลักษณะเฉพาะตัวของธุรกิจจากประเทศจีน ที่เน้นการใช้เม็ดเงินในการลงทุนเพื่อสร้าง Infrastructure ของตัวเองขึ้นมา จึงทำให้ต้องจับตาต่อไปว่า Kerry Express (Thailand) จะมีการพัฒนาไปในทิศทางใดนับจากนี้ต่อไปในอนาคต
แต่ด้วยกฎข้อห้ามต่างๆ ที่ออกมา ทำให้มันใจได้ว่า Kerry Express (Thailand) จะยังคงสามารถดำเนินการตามแผนและเป้าหมายเดิมที่วางไว้ โดยไม่มีแรงกดดันจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ ขณะที่ความร่วมมือต่างๆ จะสามารถยังคงดำเนินได้ต่อไป ทั้งนี้ ต้องมาดูกันต่อไปว่า การบริการของ Kerry Express จะรวดเร็วขึ้นขนาดไหน?
