เทรนด์ 2025 ‘ME ฉันที่เป็นฉัน’ ในธุรกิจอสังหาฯ มองผ่านเลนส์ AP Thai ปรับตัวและสร้างสรรค์ ‘ที่อยู่’ ในในนิยามใหม่อย่างไร

  • 3
  •  
  •  
  •  
  •  

เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันก้าวสู่สิ่งที่เรียกว่า เทรนด์ ‘ME’

ในนิยามของคำว่า เทรนด์ ‘Me’ คือการเป็นตัวของตัวเอง มีความเป็นตัวตนสูงมาก โดยส่วนใหญ่เทรนด์นี้ขับเคลื่อนด้วย Gen Y และ Gen Z

ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองก็จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของเทรนด์นี้ด้วยเช่นกัน และสำหรับ AP Thai ผู้นำแถวหน้าของธุรกิจอสังหาฯ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตอบรับ เทรนด์ ‘Me’ ไว้ดังนี้

สำหรับ ‘เทรนด์ Me’ นั้น ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้

1) Personalized Living Experience – ต้อง Tailormade ได้ คือสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามต้องการ เป็นบ้านที่สามารถสะท้อนตัวตนของตัวเองได้ เช่น มีพื้นที่ให้เก็บตู้สนีกเกอร์ได้ หรือปรับไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้
2) Beyond Standard Amenities – กลุ่มนี้ค่อนข้างรักสันโดษ แต่ก็อยากอยู่กับผู้คนจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น จะต้องสามารถดีไซน์ facility ให้เหมาะสมตรงกับความต้องการได้ เช่น ชอบออกกำลังกาย หรือชอบเลี้ยงสัตว์
3) Authenticity in Home Buying – ต้องสะท้อน passion ของตัวเองได้ สามารถนำเสนอความภาคภูมิใจในตัวเองออกมาได้
4) Tech-Enabled Personalization – ตอบสนองกับเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย เพราะเทรนด์นี้เป็นกลุ่มของคนรุ่นใหม่ ที่รักในความคล่องตัว อดทนได้น้อย ไม่รอนาน ดังนั้น จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์

นิยามใหม่ของคำว่า “บ้าน”

ดังนั้น จึงทำให้นิยามของคำว่า “บ้าน” ในเทรนด์ Me เปลี่ยนไป โดย “บ้าน” ถูกนิยามใหม่ให้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยของตัวเอง (Home is your sanctuary) บ้านคือที่ที่เรากลับมาแล้วสามารถเป็นตัวเองได้ในแบบที่อยากจะเป็น สะท้อนแพสชั่นตัวเองได้ ไม่ต้องสนหรือแคร์ใคร นี่คือบ้านสำหรับคนเจนเนอเรชั่นใหม่

“สิ่งที่เป็นชาเลนจ์ของเราคือจะปรับตัวให้เข้ากับตรงนี้อย่างไร เราจะต้องออกแบบบ้านให้ตอบสนองกับความคิดนี้ได้อย่างไร ให้ตอบโจทย์มากที่สุด” คุณมิ่ง – วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าว

 

และว่า จึงเป็นที่มาของคำว่า “สร้างที่สุดให้ชีวิตดีที่สุด” และจะเป็นกลยุทธ์ของ AP Thai ในปี 2025 นี้นั่นเอง
1) Diversity & Desires – สร้างโปรดักส์ที่หลากหลาย ราคาที่หลากหลาย และดีไซน์ที่หลากหลาย ทั้งในแนวราบและแนวสูง ครบทุกเซกเมนต์
2) Craft Space & Design มีการดีไซน์พื้นที่ (Space) ตอบโจทย์ในแต่ละ target group พร้อมทั้งใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ
3) Elevation & Intuitive Living เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้สะดวกสบายมากขึ้น จึงจัดบริการเสริมต่างๆ ให้ครบวงจร ซึ่งสามารถเลือกชีวิตดีๆ ให้ตรงความต้องการได้หมด

เป้ายอดขายปี 2025 – 55,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ปี 2025 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท กับที่สุดแรกด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 42 โครงการ มูลค่า 65,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จะทำให้ เอพี ไทยแลนด์เป็นที่สุดด้วยจำนวนโครงการมากที่สุดรวม 226 โครงการ ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย

เบอร์ 1 ผู้นำตลาดทาวน์โฮมและบ้านแฝดที่ไม่หยุดนิ่ง

เมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝด บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเอพีมีอัตราการเติบโตด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา จนทำให้วันนี้เรายังคงครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝดมากที่สุด ในปีนี้เรามีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ระดับราคา 1.49 – 25 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดครอบคลุมทุกโซนของกรุงเทพฯ มากที่สุด ภายใต้กลยุทธ์ Zoning Expansion Strategy ถือเป็น key สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจมีจำนวนโครงการที่กระจายครอบคลุมพื้นที่มากถึง 11 โซน กับจำนวนโครงการพร้อมอยู่มากที่สุดกว่า 70 โครงการ


ในปีนี้มีแผนขยายความสำเร็จในการสร้าง AP Community ไปยังทำเล เมืองเอก วิภาวดี-รังสิต ด้วยขนาดที่ดินรวมกว่า 120 ไร่ ด้วยศักยภาพของทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เชื่อมต่อทางด่วนบางพูน และ ติดถนน 345 เชื่อมไปยังโซนราชพฤกษ์ เพื่อเข้าสาทร หรือ ถนนกาญจนาภิเษก-วงแหวน ไปยังนนทบุรี พระราม 5 ได้หลากหลายเส้นทาง โดยเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมและบ้านแฝดใหม่ในทำเล เมืองเอก วิภาวดี-รังสิต จำนวน 3 โครงการ ซึ่งพร้อมจะเปิดขายโครงการแรก คือ Grande Pleno วิภาวดี-รังสิต บ้านแฝดไซส์ใหญ่ เริ่มต้น 5.49 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

สร้างที่สุดในมิติที่ 2 กับที่สุดของแบบบ้านที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ในปีนี้มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 13 โมเดล ด้วยทาวน์โฮมและบ้านแฝดในคอนเซ็ปต์ใหม่ เช่น CoLive Model ทาวน์โฮมแรกที่ลูกค้าสามารถปล่อยเช่าแยกชั้นได้ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Solo Living ที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียว Mirth Model ทาวน์โฮม 2 ชั้นที่มาพร้อมกับ Duplex Space พื้นที่พิเศษที่เพิ่มมากขึ้น Xavier Model ทาวน์โฮม 3 ชั้นที่มากับคอนเซ็ปต์บ้านเล่นระดับ หรือ Asher Model บ้านแฝดหน้ากว้างสุด 16.4 เมตร เป็นต้น

สร้างที่สุดที่ 3 กับการสร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่ส่วนกลางที่ดีที่สุดในทาวน์โฮมและบ้านแฝด เพื่อให้พื้นที่ส่วนกลางไม่ได้เป็นเพียงจุดพักผ่อน แต่คือการออกแบบส่วนกลางที่ผสานแนวคิดความยั่งยืน โดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน การออกแบบ Eco Waste Station สถานีจัดการขยะอย่างเป็นระบบเพื่อความสะอาดและความยั่งยืน โดยในทาวน์โฮมและบ้านแฝดทุกโครงการจะมีการออกแบบตัวอาคารที่เป็นจุดจัดการขยะไว้อย่างเป็นสัดส่วนตามมาตรฐานการแยกขยะที่ทางภาครัฐกำหนดขึ้น ทุกโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 20,000 ต้น หรือการใช้ระบบ Solar Roof เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง โดยจะติดตั้งเพิ่มเติมในส่วนของ Main Gate นอกเหนือจากติดตั้งไปแล้วในส่วนของพื้นที่ Club House

The Greatest Home ที่สุดของบ้านที่เข้าใจชีวิต

รัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวพร้อมจะสร้างที่สุดภายใต้แนวคิด The Greatest Home เพื่อสร้างที่สุดของที่อยู่อาศัย ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่บ้านเดี่ยวเอพีมีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ครบทุกแบรนด์พร้อมกัน การเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เติมเต็มความต้องการพื้นที่ชีวิตที่แตกต่าง และครอบคลุมทุกเซกเมนต์

เปิดตัว ‘Majestic Collection’ คอลเลกชันบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี แบรนด์ The Palazzo และบ้านกลางกรุง ในเซกเมนต์ราคาประมาณ 50-100 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ 1) The Palazzo กรุงเทพกรีฑา ราคา 75-120 ล้านบาท 2) The Palazzo ปิ่นเกล้า-บรมฯ ราคา 50-85 ล้านบาท และ 3) บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 The Rarest of Rarity ที่สุดของดีไซน์และโลเคชันสุดยูนีคใจกลางเมือง กับบ้านแนวคิดใหม่สูง 4-5 ชั้น พร้อมชั้นดาดฟ้า เพียงแค่ 9 หลัง มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท

เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ BEON

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว มีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ BEON (บีร์ออน) เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยให้เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการใช้ชีวิต กับที่สุดของบ้านเดี่ยวสุดโมเดิร์นสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 614- 814 ตารางเมตร ดีไซน์ใหม่สุด Exclusive พิเศษในเรื่องของการออกแบบสเปซให้มี Ultra Volume เชื่อมต่อพื้นที่ทุกชั้นภายในเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีไลฟ์สไตล์ Unique และมองหาบ้านเดี่ยวในสไตล์ โมเดิร์นคลาสสิก โดยมีแผนเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ “BEON” ในทำเลแรกแถวนวลจันทร์ ซึ่งพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

LIFE Condo ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต

กมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท โดยคีย์ไฮไลต์ของปีกับ LIFE CONDO ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Version 2025: Success Like no Others – ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต ซึ่ง LIFE CONDO Version 2025 พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุก Moment ของชีวิต ด้วย 5 นวัตกรรมพื้นที่ขอบคุณชีวิต ได้แก่

1)Modular Flow Design แนวคิดในการออกแบบเพื่อสร้างพื้นที่ใช้สอยใหม่ ค้นหาพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ ด้วยวิธีคิดใหม่ในการจัดสรรสเปซ ทั้งในมิติแนวตั้ง (Vertical) และแนวนอน (Horizontal) จนเกิดเป็นสเปซใหม่ที่ให้ความรู้สึกใหม่ ทั้งยังให้ทุกพื้นที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างกลมกลืนและลงตัว ตลอดจนการให้ความสำคัญกับแสงและการไหลเวียนของอากาศ

2)Openness to Biodiversity เชื่อมต่อชีวิตเมืองเข้ากับธรรมชาติ ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อสุขภาพกายและใจ ให้รู้สึกและเข้าถึงความเป็นธรรมชาติได้ในทุกสัมผัส ด้วยแนวคิด Stand-alone facilities พื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น Botanical Gym ที่ทำให้การออกกำลังกาย แวดล้อมเหมือนอยู่ในสวน หรือ ‘Biodiverse Co-Working Forest’ ที่ช่วยสร้างพื้นที่ทำงานในบรรยากาศของป่าในเมือง

3)New Feel-Safe Design แนวคิดในการออกแบบที่มุ่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ที่เป็นมิตรกับทุกชีวิตที่อยู่อาศัยภายในโครงการ ครอบคลุมไปถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ด้วยความใส่ใจในการออกแบบอาคารอยู่อาศัยที่มี function พิเศษให้ความอุ่นใจเกิดขึ้นทั้งกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงและตัวสัตว์เลี้ยงเอง

4)A Building That Gives Back สะท้อนถึงความรับผิดชอบที่เรามีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่เพิ่มภาระหรือค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า เช่น การเลือกใช้พรรณไม้ช่วยฟอกอากาศ เพื่อร่วมสร้างอากาศที่ดีให้กับลูกค้า และคืนอากาศที่ดีกลับให้ชุมชนข้างเคียง การติดตั้งระบบ EV Charger การติดตั้งหลอดไฟที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน เป็นต้น

5)Choose the Persona of Your City คอนเซ็ปต์ในการพัฒนา LIFE CONDO ที่มอบทางเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง Micro-Village in Inner City Concept เป็น Low-Rise Rare Collection ถึงทำเลจะตั้งอยู่ในเมือง แต่ยังคงบรรยากาศที่สงบและส่วนตัว และ Metropolis-Within City Concept เป็น High-Rise Super Facilities โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง ที่ไม่เพียงแต่สะดวกในการเข้าถึงชีวิตเมืองที่เต็มไปด้วยกิจกรรม แต่ยังมาพร้อมกับ ‘Super Facilities’ ที่ครบและจัดเต็มในแบบเอพี

โดย LIFE สาทร-นราธิวาส 22 คือ LIFE CONDO ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เตรียมเปิดตัวเป็นโครงการแรก ซึ่งมาในรูปแบบ Micro-Village in Inner City Concept สูง 8 ชั้น 2 อาคาร มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 416 ยูนิต ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาส 22 ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความเงียบสงบในบรรยากาศรีทรีต โดยเตรียมเปิดจองรอบ VVIP Day ในวันที่ 22 – 23 มีนาคมนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท

ข้อมูลสรุปแผนธุรกิจปี 2568

บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ตั้งเป้าปี 2568 ขยายพอร์ตสินค้าในเครือเอพีพร้อมขายกระจายทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 226 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาใหม่ จำนวน 42 โครงการ มูลค่าประมาณ 65,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท

ข้อมูลสรุปทางด้านการเงิน

ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา (2567) บริษัทฯ มียอดขายสุทธิสูงสุดในอุตสาหกรรมถึง 46,752 ล้านบาท มีรายได้รวมจากสินค้ากลุ่มแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 47,125 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 5,020 ล้านบาท และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.70 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า ณ 23 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้มูลค่า 41,621 ล้านบาท


  • 3
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!