ไขมันทรานส์ (trans fat) ถูกจัดให้อยู่ในไขมันประเภทไม่อิ่มตัว แม้จะสามารถรับประทานได้ แต่ไขมันประเภทนี้กลับเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความเสี่ยงก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างมีนัยยะสำคัญ อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะพบในอาหารประเภททอดและจังก์ฟู้ด
ไขมันดังกล่าวได้สร้างความตื่นตัวแก่ผู้คนทั่วโลกมาพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่สำหรับประเทศไทยผู้บริโภคส่วนหนึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องไขมันทรานส์มากนัก แต่ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ส่งผลให้ไขมันทรานส์กลายเป็นประเด็น talk of the town ในหมู่ผู้บริโภค ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายขึ้นอีกครั้ง
หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งแบนไขมันทรานส์เป็นที่เรียบร้อย บรรดาธุรกิจแบรนด์อาหารต่างออกมาชี้แจงถึงผลิตภัณฑ์ของตนว่า “ปราศจากไขมันทรานส์” โดยเบื้องต้นมีแบรนด์ดังต่อไปนี้ คือ เทสโก้ โลตัส, แมคโดนัลด์, บิ๊กซีและเคเอฟซี
1. เทสโก้ โลตัส ออกมาเปิดเผยว่า เทสโก้ โลตัส ได้ปรับสูตรเบเกอรี่แบรนด์เทสโก้ทุกรายการให้ปราศจากไขมันทรานส์ จำนวน 25 รายการ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทุกสาขา
2. แมคโดนัลด์ ได้ออกมาชี้แจงเช่นกัน โดยระบุว่าผลิตภัณฑ์อาหารใช้น้ำมันปาล์มได้มาตรฐาน หากสินค้าชิ้นไหนพบส่วนประกอบของไขมันทรานส์จะถูกนำออกทันที
3. บิ๊กซี ได้ออกมาเคลมสินค้าเบเกอรีว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งที่ผลิตเองและแบบสำเร็จรูปไม่พบไขมันทรานส์อย่างแน่นอน
4. เคเอฟซี ได้ร่อนจดหมายเพื่อยืนยันว่า ไก่ทอดและสินค้าอื่น ๆ ต่างปลอดจากไขมันทรานส์ 100%
แน่นอนว่าในมุมผู้บริโภคอาจจะต้องติดตามแผนรวมถึงคำชี้แจงจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีวิธีการตรวจสอบหรือดูแลอย่างไร จะมีการแปะโลโก้ Trans Fat Free บนบรรจุภัณฑ์อาหารหรือเปล่า แล้วอาหารสตรีทฟู้ดที่ขายกันเกลื่อนเมืองจะสามารถรับรู้ได้อย่างไรว่าปราศจากไขมันทรานส์อย่างแน่นอน ?