กลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลกอย่าง TOYOTA Motors เมื่อการผลิตทั่วโลกในเดือนตุลาคมปรับลดลง 0.8% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ เหลือการผลิตเพียง 893,164 คัน โดยจากการวิเคราะห์เป็นผลมาจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในตลาดรถยนต์จีนและการเรียกคืนรถยนต์ในอเมริกาเหนือ
จากรายงานของ TOYOTA Motors พบว่า การผลิตรถยนต์ในต่างประเทศลดลง 4.9% เหลือเพียง 587,105 คัน โดยแบ่งเป็นการผลิตในจีนลดลง 8.7% ซึ่งเป็นผลมาจากการทำสงครามราคารถยนต์ในจีน โดยผู้ผลิตรถไฟฟ้าอย่าง BYD และผู้ผลิตรถยนต์ในจีนต่างเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาถูก และแข่งกันลดราคาลงเพื่อแย่งชิงอำนาจการตัดสินใจซื้อ
รวมถึงปริมาณการผลิตรถยนต์ของ TOYOTA ในอเมริกาเหนือลดลง 7.2% หลังหยุดการผลิตชั่วคราว เนื่องจากการเรียกคืนรถยนต์รุ่น Grand Highlander และรุ่น Lexus TX แต่ยังคงได้อานิสงส์จากการผลิตรถยนต์ในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 8.3% อยู่ที่ 306,059 คัน เป็นสัญญาณการฟื้นตัว หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงงานของ Supplier ชิ้นส่วนแห่งหนึ่ง
แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจนส่งผลต่อยอดขายต่างประเทศ แต่ด้วยตลาดอินเดียที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้ สามารถช่วยลดทอนความรุนแรงทั้งในจีนและอเมริกาเหนือ
เมื่อดูภาพรวมการขายของ TOYOTA พบว่า ยอดขายทั่วโลกพุ่งขึ้น 1.4% อยู่ที่ 903,103 คัน โดยยอดขายในตลาดญี่ปุ่นเติบโตขึ้น 7.1% เนื่องจากการส่งมอบที่กำหนดไว้ล่าช้า ซึ่งเป็นผลพวงมาจากพายุไต้ฝุ่น ขณะที่ยอดขายรวมในต่างประเทศกลับเพิ่มขึ้น 0.4% ที่ 759,555 คัน แม้จะมีตลาดอินเดียช่วยก็ตาม
Saurce: Japan Today
