ในโลกของสินค้านั้น มีบางแบรนด์ที่ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงสินค้า กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน หลายทศวรรษที่ผ่านมาเครื่องดื่ม “โคคา-โคล่า” กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ การเฉลิมฉลอง และความสดชื่นในยามบ่ายที่แสนร้อน แต่การนำเสนอเครื่องดื่มระดับโลกสู่ตลาดไทยและความสามารถในการรักษาและพัฒนาอย่างยาวนานหลายสิบปีนั้น มี บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ทำงานอยู่เบื้องหลัง ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม วัฒนธรรม ขับเคลื่อนนวัตกรรม และมุ่งมั่นในความยั่งยืน
“ไทยน้ำทิพย์” ยืนอยู่แถวหน้าในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของประเทศไทยมาตลอดระยะเวลา 65 ปี โดยนำ “โคคา-โคล่า” แบรนด์ระดับโลกมามอบความสดชื่น ความสุข และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทย จากจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2502 จนถึงวันนี้ ไทยน้ำทิพย์ยังคงเดินทางเคียงข้างคนไทย พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการร้านค้า เข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ และรักษาความเป็นเอกลักษณ์ที่ผูกพันกับสังคมไทยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
สานต่อความสำเร็จ: เรื่องราวแห่งการร่วมมือที่ยาวนาน
“โคคา-โคล่า” กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยโลโก้สีแดง-ขาวอันเป็นเอกลักษณ์ และขวดที่มีรูปทรงเป็นที่จดจำได้ในทันที โฆษณาของ “โคคา-โคล่า” มักมีดาราไทยและเรื่องราวที่สะท้อนชีวิตประจำวันของคนไทย โดยมีสโลแกนที่เชื่อมโยงกับความสุข
“โคคา-โคล่า” เข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 ในเวลานั้นยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยมากนัก โรงงานบรรจุขวดแห่งแรกเป็นโรงงานบรรจุขวดเล็กๆ บนถนนหลานหลวง ดำเนินธุรกิจด้วยรถขนส่งเพียง 7 คัน กระจายสินค้าในเขตพระนคร-ธนบุรี ใช้เครื่องจักรบรรจุขวดขนาดเล็กเพียง 2 เครื่องที่ชื่อว่า “ดิกซี่” ซึ่งสามารถผลิตโค้กขนาด 6.5 ออนซ์ได้ 160 ขวดต่อนาที
แม้จะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ และเผชิญกับความท้าทายในการแนะนำสินค้าต่างชาติให้กับผู้บริโภคโดยมีการจำหน่ายในราคา 1 บาทต่อขวด แต่ไม่นานนักเครื่องดื่มรสชาติสดชื่นนี้ก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศร้อนๆ ของเมืองไทย
ด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของโคคา-โคล่า ทำให้มีการก่อตั้งบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยกลุ่มนักธุรกิจจากครอบครัวสารสิน เคียงศิริ และบุญสูง ร่วมกับบริษัท “โคคา-โคล่า” เอ็กซ์ปอร์ต คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 7 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าโคคา-โคล่าในประเทศไทย รองรับตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
จากธุรกิจเล็กๆ ที่มีเครื่องจักรบรรจุขวดเพียง 2 เครื่องบนถนนหลานหลวง ปัจจุบัน “ไทยน้ำทิพย์” คือ bottling partner ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า “โคคา-โคล่า” ใน 63 จังหวัดทั่วประเทศไทย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการส่งต่อความสดชื่นสู่ผู้บริโภคในไทยมาเป็นเวลายาวนานถึง 65 ปีแล้ว
นวัตกรรมเพื่อวันพรุ่งนี้: ความยั่งยืนในทุกก้าวเดิน
จากการบรรจุ “โคคา-โคล่า” ขวดแก้วขนาด 6.5 ออนซ์ในยุคเริ่มต้น จนถึงวันนี้ ไทยน้ำทิพย์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์มากกว่า 250 รายการ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยมีผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอประกอบไปด้วย “โค้ก”, “แฟนต้า”, “สไปรท์”, “ชเวปส์”, “เอแอนด์ดับบลิว” รูทเบียร์, น้ำส้ม ”มินิทเมด สแปลช”, “มินิทเมด พัลพิ”, “น้ำดื่มน้ำทิพย์”, และ “อู-ฮ่า”
จากจุดเริ่มต้นที่มีพนักงานหลักร้อย ปัจจุบัน “ไทยน้ำทิพย์” มีพนักงานกว่า 8,000 คนทั่วประเทศ จากเครื่องดิกซี่ 2 เครื่องผลิตเครื่องดื่ม ตอนนี้มีสายการผลิต 21 สาย ที่มีกำลังการผลิตรวมกันถึง 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี คลังสินค้ามากกว่า 50 แห่ง มีโรงงานผลิตถึง 5 แห่งที่ทันสมัยระดับโลกในปทุมธานี รังสิต นครราชสีมา ขอนแก่น และลำปาง ซึ่งทุกแห่งถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรอย่างสูงสุดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โรงงานที่ปทุมธานีของ “ ไทยน้ำทิพย์” ยังถือเป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องที่เร็วที่สุดในประเทศไทย โดยสามารถผลิตได้ถึง 2,000 กระป๋องต่อนาที สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของบริษัทในการผลิตที่มีคุณภาพและรวดเร็วควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
โดยไทยน้ำทิพย์ มุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนผ่าน 3 เสาหลักสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ได้แก่
- การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
“ไทยน้ำทิพย์” ยึดกลยุทธ์ 3R (Reduce, Reuse, Recycle) ด้วยการ ลด (Reduce) ปริมาณการใช้น้ำ โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ทำมาใช้คือแอปพลิเคชัน “บำรุง” ที่พัฒนาโดยบริษัทไทย นำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต รวมถึง บำบัด (Recycle) น้ำที่ผ่านการใช้งานแล้ว เช่น ติดตั้งระบบ Membrane Bio Reactor บำบัดน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบ R.O. (Reverse Osmosis) เพื่อนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดจนสะอาดได้มาตรฐาน กลับมาใช้ใหม่ ในขั้นตอนการผลิต (ไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับผลิตเครื่องดื่ม) ซึ่งระหว่างปี พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2566 โรงงานไทยน้ำทิพย์ทั้ง 5 โรงงาน สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 907 ล้านลิตร สะท้อนถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเป็นรูปธรรม
- การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ไทยน้ำทิพย์” ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยการเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโรงงานทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้รวม 12.6242 MWp หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของการใช้ไฟฟ้าในโรงงานทั้งหมด นอกจากนี้ ยังนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในระบบขนส่งและในคลังสินค้า พร้อมกับใช้ระบบ Telematics ในการบริหารการขนส่งและติดตั้งกล้อง AI เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงในการขับขี่ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2566 บริษัทสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 34.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- การสร้างวงจรปิดของบรรจุภัณฑ์
“ไทยน้ำทิพย์” สนับสนุนวิสัยทัศน์ “World Without Waste” ของ The Coca-Cola Company โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2568 และพัฒนาบรรจุภัณฑ์โดยใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% รวมถึงช่วยเก็บรวบรวมและรีไซเคิลขวดหรือกระป๋องในจำนวนเทียบเท่ากับที่จำหน่าย ภายในปี 2573 บริษัทได้ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการผลักดันการรีไซเคิลในประเทศไทย
ตั้งแต่ปี 2566 ไทยน้ำทิพย์ได้ร่วมกับ “โคคา-โคล่า” เปิดตัวขวด “โค้ก” ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (rPET) ขนาด 1 ลิตร และในปีนี้ได้ขยายขนาดเพิ่มเติมเป็น 300 และ 510 มิลลิลิตร ซึ่งวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั่วไป การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณพลาสติกที่ต้องใช้ แต่ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สร้างอนาคตใหม่: ขับเคลื่อนการเติบโตเพื่อยุคต่อไป
กลยุทธ์ที่มุ่งสู่อนาคตของ “ ไทยน้ำทิพย์” ตอกย้ำการเป็นผู้นำว่าบริษัทไม่เพียงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่ยังมีแผนการที่ชัดเจนสำหรับการเติบโตและนวัตกรรมในอนาคต
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ “ ไทยน้ำทิพย์” ให้ความสำคัญ บริษัทได้นำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยผนวกเข้ากับห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ทั้งด้านการผลิต ที่มีห้อง Monitor ควบคุมตรวจสอบสถานะในไลน์การผลิต ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นไปตามแผนงาน ผ่านการใช้ระบบซอฟต์แวร์ช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานในการติดตามตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า โดยมี Warehouse Control Tower ห้องควบคุมจากส่วนกลาง เพื่อการจัดการและจัดเรียงสต็อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคุมเส้นทางการวิ่งของรถยก ด้านโลจิสติกส์ โดยใช้ระบบ Telematics ติดตั้งในรถขนส่งสินค้า ในการติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่และสมรรถนะการใช้เครื่องยนต์ เพื่อวางแผนเส้นทางการเดินรถและใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการนำรถพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการปล่อยคาร์บอน
ในวาระครบรอบ 65 ปี ไทยน้ำทิพย์ได้ย้อนรำลึกถึงการเดินทางอันยาวนานในการมอบความสดชื่นและความสุขให้กับคนไทย เพราะ “โคคา-โคล่า” ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสุขและช่วงเวลาที่มีความหมาย และไทยน้ำทิพย์ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์นั้นให้กับคนไทยรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ก้าวต่อไป “ไทยน้ำทิพย์” ยังคงมีความมุ่งมั่นในการสร้างสิ่งดี ๆ นั่นคือการส่งมอบความสดชื่นและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการดำเนินการที่ได้มาตรฐานระดับโลกของโคคา-โคล่า พร้อมทั้งนวัตกรรมด้านความยั่งยืน เพื่อนำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยมุ่งสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่ง และขยายผลสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนขึ้นต่อไป