“Redefining Creativity and Optimization with AI Creative Solutions” เป็นอีก session จาก TikTok ที่คนให้ความสนใจกันมากในงาน Marketing Oops! Summit 2024 ซึ่งใน session นี้มีข้อมูลดีๆหลายอย่างมาแชร์กัน ทั้งเฟรมเวิร์คการทำคอนเทนต์ใน TikTok ที่น่าสนใจรวมถึง AI tools ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นอย่าง TikTok Creative Tools ซึ่งจะเปิดให้คนไทยได้ใช้กันในวันที่ 1 กันยายนนี้
คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing จาก TikTok Thailand เป็นตัวแทน มาเล่าทั้งหมดนี้ให้ฟังโดยเรื่องแรกก็คือเฟรมเวิร์คของการทำคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จที่คุณสิรินิธิ์ บอกว่าแม้จะยากที่จะบอกอย่างเฉพาะเจาะจงที่จะทำให้มีผู้ชมเยอะและสามารถสื่อสารไปสู่กลุ่มเป้าหมายวงกว้างได้ แต่จากการเก็บข้อมูลจากคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จนับล้านๆชิ้นพบว่าทั้งหมดมีจุดร่วมอยู่เหมือนกันอยู่ 3 สิ่งซึ่งคุณสิรินิธิ์เรียกว่า 3V นั่นก็คือ
- Value ต้องเป็นคอนเทนต์ที่สื่อสารถึงคุณค่าบางอย่างให้ผู้บริโภคได้เห็น มองให้ออกว่าผู้บริโภคต้องการอะไรก็ให้นำเสนอสิ่งนั้น เช่น ความสนุกสนาน ความรู้ การรีวิววิธีใช้งาน และอื่นๆ
- Variety – ต้องมีความหลากหลายของคอนเทนต์เพราะผู้คนไม่ชอบดูคอนเทนต์ซ้ำๆ และจากการสำรวจผู้ใช้งานพบว่าหากผู้บริโภคได้ดูคอนเทนต์ที่หลากหลายจะมีมุมมองบวกมากกว่าการดูคอนเทนต์เหมือนเดิมซ้ำๆ
- Volumn – คือการต้องมี 2-3 คอนเทนต์ขึ้นไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถิติพบว่าเมื่อมีการเปลี่ยนชิ้นงาน 5-7 ชิ้นต่อสัปดาห์จะสร้าง ROAS ได้มากกว่าชิ้นงานที่ปรับเปลี่ยนน้อยกว่านี้
อีกหนึ่งความน่าสนใจที่คุณสิรินิธิ์ มาเล่าให้ฟังในงาน Marketing Oops! Summit 2024 ปีนี้ก็คือการเปิดตัว “TikTok Creative Tools” ใหม่ที่คนไทยจะใช้ได้แล้วในเดือนกันยายนนี้ สิ่งนี้คือชุดเครื่องมือที่จะช่วยให้การทำ Content ให้ได้จำนวนมากๆง่ายขึ้นกว่าเดิม ช่วยทุ่นแรงให้กับการทำคลิปวิดีโอได้ตลอดขั้นตอนการทำงานตั้งแต่การ “คิดไอเดีย”, “การผลิต” และ “Optimization” ได้ ซึ่งก็มีอยู่หลายฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น
1.TikTok Assistant
เป็นฟีเจอร์ AI Chatbot หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ใน TikTok Creative Center มีความสามารถเด่นๆคือการ สรุป ads ที่ทำงานได้ดี สรุปเทรนด์ใน TikTok เช่น Hashtags, เพลง และแนวทางการใช้ Ads Solution ที่ประสบความสำเร็จ สามารถดูข้อมูลเบื้องหลังเช่นยอดรับชมรวมถึง แพทเทิร์นในการใช้ฟีเจอร์ต่างๆของโฆษณาต่างๆที่ประสบความสำเร็จ และยังเป็นที่ปรึกษาในการสร้างคอนเทนต์ในการคิดไอเดีย รวมไปถึงคิดสคริปต์วิดีโอได้ด้วย
2.Script Generator
เป็นฟีเจอร์ที่สามารถช่วยให้เราสร้างสคริปต์สไตล์ TikTok ให้กับเราได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เราสามารถใส่ข้อมูลสินค้า แบรนด์ เข้าไปได้ สามารถกำหนดรูปแบบของสคริปต์ได้ทุกอย่างตั้งแต่ โทนรูปแบบเนื้อหา ความยาว ความเหมาะสมกับธุรกิจ เป็นต้น
3. Symphony Creative Studio
นับเป็นฟีเจอร์ที่ฮือฮามากในช่วงที่ผ่านมา เป็นฟีเจอร์ที่มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยผลิตงานวิดีโอได้ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น โดยจะมาช่วยงานในส่วนโปรดักชั่นที่ช่วยผลิตชิ้นงานได้เร็วขึ้นมีความสามารถเด่นๆ 4 อย่างคือ
- Product Video – ฟีเจอร์เด่นของ Symphony Creative Studio ที่เราสามารถสร้างคลิปวิดีโอ TikTok ได้ด้วยการ Copy URLs จากเว็บไซต์ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่เช่นเว็บไซต์ของแบรนด์เอง โดยระบบจะดึงรูปมาสร้างวิดีโอหลายๆแบบให้เลือกโดยอัตโนมัติและสามารถ Edit แก้ไขได้ตามต้องการ
- AI Avatar – อีกฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถเลือก AI Creator ที่มีให้เลือกมากมายหลายคนมาอยู่วิดีโอของเราได้ และอยากให้ AI Creator พูดอะไรก็เพียงแค่พิมพ์สคริปต์เข้าไป AI Creator ก็จะสามารถพูดตามสคริปต์ของเราได้เลย
- AI Dubbing – เป็นพีเจอร์สามารถพากษ์เสียงในวิดีโอจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งได้เลย โดยจะตรวจจับภาษาในคลิปวิดีโอโดยอัตโนมัติและแปลภาษานั้นเป็นอีกภาษาหนึ่งตามที่เราต้องการได้อัตโนมัติอีกทีหนึ่ง นับเป็นอีกฟีเจอร์ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าสู่ระดับสากลได้
- Remix Video Ad – คือระบบที่จะ Remix คลิปวิดีโอของเราที่มีอยู่แล้วขึ้นใหม่โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างและปรับให้เป็น format ที่เหมาะกับ TikTok โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมระบบ Optimization สำหรับวิดีโอ Ad ที่จะนำลงแพลทฟอร์ม TikTok
- Smart Fix ช่วยตรวจจับความเสี่ยงที่คลิปวิดีโอโฆษณาของเราจะถูก Reject ก่อนที่จะอัพโหลดลงแพลทฟอร์ม TikTok ได้
- Smart Creative ที่ช่วยเปลี่ยนแปลง element เล็กๆน้อยๆของ Ads เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาให้มากขึ้นได้
ทั้งหมดนี้คือเทคนิคการทำคอนเทนต์ รวมไปถึงความพิเศษของ TikTok ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรคลิปวิดีโอและจะช่วยครีเอเตอร์ นักการตลาดรวมถึงแบรนด์ให้ทำคอนเทนต์รวมถึงชิ้นงานโฆษณาได้ง่ายขึ้นมากๆซึ่งครีเอเตอร์และนักการตลาดในประเทศไทยสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป