ซีพีดึงเสาหลักทุกมิติร่วมบูรณาการด้านความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นไฮสปีดเทรน เป็น Pride of Thailand ความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน
บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อม 3 สนามบินเชิญผู้ทรงคุณวุฒิร่วมพัฒนาความยั่งยืนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ตอกย้ำจุดยืนขับเคลื่อนธุรกิจคู่ขนานไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประเทศไทย พร้อมเปิดมุมมองครั้งแรกของคณะที่ปรึกษาชูแนวคิดพัฒนาอย่างยั่งยืนครบวงจร
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด เปิดเผยว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศไทย ด้วยเหตุนี้บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด จึงมุ่งมั่นและตั้งใจดำเนินโครงการให้เกิดความยั่งยืน คือ การคิดให้ครบทุกมิติ และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในทางเศรษฐกิจ และ เกิดประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การให้ความสำคัญกับวิถีชีวิต การสร้างงาน สร้างรายได้ และ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม ในการนี้จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา เข้าร่วมเป็น “คณะที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน”โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน” เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ประกอบด้วยผู้ทรงวุฒิจำนวน 7 ท่าน ได้แก่
- ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง
- ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
- ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ผศ.ดร.อนุรัตน์ อนันทนาธร อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
- นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี
- นายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
การแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาฯเป็นไปตามความตั้งใจที่ต้องการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการนี้ การระดมสมองจากผู้เชี่ยวชาญในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีจากทางภาครัฐ นักวิชาการ และหน่วยงานเอกชนชั้นนำ จะทำให้เข้าใจบริบทของการพัฒนาและปัจจัยความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับภาคประชาสังคม โดยการพัฒนาด้านความยั่งยืนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มุ่งเน้น 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.การพัฒนาความยั่งยืนด้านสังคม 2.การพัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมุ่งหวังที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ และระบบนิเวศน์เชิงเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์การพัฒนาสังคมและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน
“เราเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม เหตุผลสำคัญที่เครือฯสนใจและเข้าไปลงทุน เนื่องจากเป็นโครงการพัฒนาที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสังคม ที่เครือยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ที่สำคัญโครงการนี้ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานแรกของภูมิภาคอาเซียน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง และสามารถส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้านในแถบ CLMV ให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน” — นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่รถไฟความเร็วสูงฯสายนี้คือเส้นทางสายโอกาส และสัญลักษณ์ความภูมิใจของประเทศไทย ตลอดเส้นทาง 220 กิโลเมตรของรถไฟความเร็วสูงฯสายนี้จะสร้างโอกาส สร้างงาน และถือเป็นอีกหนึ่งโครงการระดับชาติที่จะทำให้การเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในประเทศไทย เหมือนกับโครงการระดับโลกในอดีต เช่น เขื่อนฮูเวอร์ในสหรัฐอเมริกาที่ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้านวิศวกรรม เป็นเขื่อนแห่งประวัติศาสตร์ที่สร้างภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา หรือ รถไฟชินคันเซ็นของญี่ปุ่นที่เป็นรถไฟแห่งความผูกพันและเป็นตัวแทนความรุ่งโรจน์ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วประเทศให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นความภูมิใจของประเทศไทยหรือ Pride of Thailand และในด้านความยั่งยืนของโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ต้องคำนึง 4 ด้าน ได้แก่ 1. Environmental friendly 2.Circular economy 3. Inclusive economy 4.Glass roots development ทั้งนี้มั่นใจว่ารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะเป็นเครื่องมือสร้างความเจริญให้แก่คนในพื้นที่และทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า
ขณะที่ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวว่ารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะนำไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำในอาเซียน และมีความเห็นว่ารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นของคนไทยทุกคน จะต้องสร้างให้เกิดพฤติกรรมการเดินทางรถไฟ ด้วยการส่งเสริมแนวคิด เดินทางโดยรถไฟช่วยลดมลพิษ และเป็นการลดใช้พลังงาน นอกจากนี้ต้องพัฒนาคนและพัฒนาชุมชนในพื้นที่ให้แข็งแรง รักษาวัฒนธรรมและอาชีพของท้องถิ่นไว้ให้ได้ตลอดจนรักษาเงื่อนไขระดับนิเวศของสังคมและสิ่งแวดล้อมไว้ให้ได้
สำหรับ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยดำเนินการในรูปแบบ “แพลตฟอร์มแห่งปัญญา” ด้วยการจัดทำผังภูมิศาสตร์เชื่อมโยง 5 จังหวัดที่รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินผ่าน คือ กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และ ระยอง โดยต้องวางรูปแบบการพัฒนาสำคัญ 3 ด้าน คือ 1.การพัฒนาอย่างชาญฉลาด โดยใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นนวัตกรรมหรือเครื่องมือในการเชื่อมต่อพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกระจายความเจริญ 2.การพัฒนาคุณภาพชีวิต คือการคิดให้ครบทุกด้าน ให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียม และ 3.สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ต้องคำนึงถึงการปกป้องธรรมชาติ รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์
ขณะที่มุมมองนักวิชาการในพื้นที่ภาคตะวันออก ผศ.ดร.อนุรัตน์ อนันทนาธร อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า ในการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต้องเน้นการน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตอบโจทย์ 4 ประเด็นคือ ประโยชน์จากรถไฟฟ้า ประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการเตรียมการเพื่อลดผลกระทบ ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาใน 4 มิติ คือ พัฒนาโครงการ พัฒนาบุคลากร พัฒนาชุมชน และพัฒนาประเทศ
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะต้องเชื่อมโยงกับชุมชน ส่งเสริมสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของชุมชน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจทั้งในระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถสนับสนุนเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs เพื่อกระจายรายได้อย่างทั่วถึงไม่เพียงแค่พื้นที่ตามสถานี แต่สามารถขยายไปยังพื้นที่รอบจังหวัดอีกด้วย
นายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้ ต้องตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เข้าใจทุกการใช้ชีวิต และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งโครงการนี้สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมระยะยาวได้ แต่ต้องวางกรอบแนวคิดใหม่เพื่อให้เกิด “For Living Together” เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายคือรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจะต้องสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้นกับทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการ