ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในไทย มูลค่ากว่า 657,000 ล้านบาทตามการรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และแข่งขันดุเดือด ทั้งจากผู้เล่นเดิม และผู้ท้าชิงรายใหม่ที่เข้าสู่สมรภูมินี้ต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้บริโภคมี Demand สูงขึ้นและซับซ้อนขึ้น ประกอบกับโจทย์ด้านเศรษฐกิจ และต้นทุน จึงทำให้ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมีการเปลี่ยนแปลงสูง ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้จึงต้องพร้อมปรับตัวตลอดเวลา
ล่าสุด “กลุ่มธุรกิจร้านอาหารเครือไทยเบฟ” นำทัพโดย “คุณแซม–ไพศาล อ่าวสถาพร” ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ วิสัยทัศน์และภารกิจ ด้วยแนวคิด “ONE FOODS GROUP: ONE FOOD – ONE TEAM – ONE GOAL” โดยรวมพลังระหว่าง 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ OISHI (โออิชิ), บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด หรือ QSA (คิวเอสเอ), และ บริษัท ฟู้ด ออฟ เอเชีย จำกัด หรือ FOA (เอฟโอเอ)
ปรับโครงสร้างใหญ่ สู่การเป็น “ONE FOOD – ONE TEAM – ONE GOAL”
“คุณแซม-ไพศาล อ่าวสถาพร” ได้รับการแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ เพื่อดูและภาพรวมธุรกิจอาหารของเครือไทยเบฟในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ
ทันทีที่เข้ามานำทัพบริหาร คุณแซม ได้ปรับโครงสร้างใหม่ พร้อมประกาศวิสัยทัศน์และภารกิจ ภายใต้แนวคิด “ONE FOODS GROUP: ONE FOOD – ONE TEAM – ONE GOAL” ที่เน้นการรวมศูนย์บริหาร แต่ยังคงความหลากหลายของแบรนด์ และเสริมความเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มธุรกิจอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนทั้งในวันนี้และอนาคต
“บทบาทในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการบริหารจัดการในเชิงปฏิบัติการเท่านั้น แต่คือการขับเคลื่อน ‘FOODS GROUP’ ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเอกภาพ โดยใช้พลังของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ในกลุ่ม มารวมศูนย์ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และวิธีคิด เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่าเดิม ทั้งในเชิงธุรกิจ ภาพลักษณ์องค์กร และความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว”
ตัวอย่างของการรวมศูนย์ เช่น ระบบ POS ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจร้านอาหาร เดิมทีต่างใช้คนละระบบ ทำให้เวลาจะนำเทคโนโลยีใหม่ หรือ AI มาผสานเข้าไปในระบบ จะดำเนินการได้ยาก ดังนั้นการรวมเป็น ONE FOODS GROUP จะทำให้เป็นระบบเดียวกัน
รวมถึงระบบหลังบ้านต่างๆ, วัตถุดิบ, แพ็คเกจจิ้ง และการพัฒนาฝึกอบรมพนักงาน เดิมทีแต่ละกลุ่มบริษัทใช้ระบบหลังบ้านแตกต่างกัน ใช้วัตถุดิบจากผู้ผลิตต่างกัน และมีระบบการฝึกอบรวมพนักงานต่างกัน เพราะฉะนั้นการรวมเป็น ONE FOODS GROUP จะช่วยให้การบริหารจัดการต้นทุน และการบริหารพนักงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น สามารถกระจายพนักงานไปยังร้านสาขาของแบรนด์ต่างๆ ภายในกลุ่มธุรกิจอาหารของไทยเบฟได้

เสริมความหลากหลายพอร์ตฯ ธุรกิจร้านอาหารเครือไทยเบฟ – ตั้งเป้าเปิด 888 สาขา – เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร (FOODS GROUP) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย 3 กลุ่มบริษัท รวม 29 แบรนด์ มีสาขาทั้งหมด 847 สาขา ได้แก่
กลุ่ม OISHI
– ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ได้แก่ OISHI Biztoro, OISHI Ramen, Shabushi, OISHI Buffet ประกอบด้วย OISHI Grand และ OISHI Eaterium, Nikuya by OISHI, Hou Yuu และ Sakae มีสาขาทั้งหมดรวม 284 สาขา ครอบคลุมเกือบทุกจังหวัดในไทย
– ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน ภายใต้ตราสินค้า OISHI EATO (โออิชิ อีทโตะ) มีโรงงานผลิตที่สามารถรองรับทั้งตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันส่งออก 10 ประเทศ และนอกจากผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเองจำหน่ายผ่านช่องทางรีเทลแล้ว ยังเป็น Food Supply ผลิตให้กับแบรนด์อาหารต่างๆ ด้วยเช่นกัน เช่น ซุป, ซอส จึงเป็นธุรกิจดาวเด่นที่มีศักยภาพสำหรับกลุ่ม OISHI
“เป้าหมายของ OISHI เรากำลังมาทวงบัลลังค์ความยิ่งใหญ่ของการเป็น King of Japanese Food ให้ได้ ซึ่งปัจจุบันเรายังเป็นอยู่ เพียงแต่ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยออกมาสร้างสีสันเท่าไร แต่ตอนนี้เราจะกลับมาคึกคัก ทำอะไรที่สนุกขึ้น” คุณแซม เล่าถึงเป้าหมายของแบรนด์ OISHI
กลุ่ม QSA
– ประกอบและพัฒนาธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) เป็นหนึ่งในผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ซี “KFC” (เคเอฟซี ประเทศไทย) ที่มีสาขามากที่สุด หรือกว่า 500 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับกลุ่ม QSA ที่บริหารธุรกิจ KFC ถือเป็นกลุ่มใหญ่สุดของ FOODS GROUP ไทยเบฟ เพราะด้วยจำนวนสาขา และรายได้ โดยยังคงเดินหน้าผลักดันการเติบโตของกลุ่ม QSA
กลุ่ม FOA
– ประกอบและพัฒนาธุรกิจร้านอาหารอย่างครบวงจร ตั้งแต่อาหารไทยทั่วทุกภูมิภาค, อาหารจีน, อาหารอาเซียน, อาหารชาติตะวันตก รวมไปถึงเค้กและเบเกอรี่ที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ โดยอยู่ภายใต้ 5 บริษัทย่อย มีสาขารวม 63 สาขา ได้แก่
- Bistro Asia บริหารแบรนด์ Baan Suriyasai (บ้านสุริยาศัย), Man Fu Yuan (หม่าน ฟู่ หยวน), Vantage Point (แวนเทจ พอยท), Hyde & Seek (ไฮด์ แอนด์ ซีค), So Asean (โซ อาเซียน), Food Street (ฟู้ด สตรีท), ราชพฤกษ์ คลับ, BAB Café (Bangkok Art Biennale Café)
- Max Asia บริหารแบรนด์ Homebake by mx และ MX Cakes & Bakery
- Spice of Asia บริหารแบรนด์สโมสร, Chilli (ชิลลี่), Cafe Chilli (คาเฟ ชิลลี่), เสือใต้, เลิศเหลา
- Red Lobster Retail Asia บริหารแบรนด์ Red Lobster
- The C Canvas บริหารแบรนด์ Chang Canvas (ช้าง แคนวาส) เป็น Iconic Social Brewhouse อยู่ในโครงการ One Bangkok
“ความแตกต่างของ FOA คือ Diversification ทั้งประเภทอาหาร, ความหลากหลายของอาหาร และระดับความต้องการของผู้บริโภค ตั้งแต่ Street Food จนถึง Casual Fine Dining และ Fine Dining อย่างบ้านสุริยาศัย
ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารของ FOA เน้นขยายในโครงการของเราเป็นหลัก (TCC Group) เพื่อเสริม value ให้กับโครงการในเครือ จึงยังไม่ได้ขยายสาขามากนัก”
กลุ่มธุรกิจอาหารในเครือไทยเบฟ ตั้งเป้าจำนวนสาขาทั้งหมดภายในปีนี้ 888 สาขา ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้มีแผนเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ ซึ่งอยู่ใน pipeline อีก 2 – 3 แบรนด์ เน้นเจาะเซ็กเมนต์ Mass โดยจะอยู่ภายใต้กลุ่ม FOA เนื่องจากสามารถรองรับความหลากหลาย ทั้งประเภทอาหาร ระดับราคา และเซ็กเมนต์ร้านอาหาร
กลยุทธ์ 4 เสาหลักเดินหน้าสู่ยุคใหม่แห่งความยั่งยืน
คุณแซม ขยายความถึงการเดินหน้าสู่ยุคใหม่แห่งความยั่งยืน ด้วย 4 เสาหลัก ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารสู่ความสำเร็จ ได้แก่
1. ขยายสาขา: เพิ่มจุดให้บริการในพื้นที่ใหม่ ๆ และพัฒนารูปแบบร้านให้หลากหลาย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
2. ยกระดับประสบการณ์: สร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย
3. เสริมศักยภาพ: พัฒนาศักยภาพพนักงานและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน
4. มุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืน: ลดปริมาณขยะอาหารและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม
สอดคล้องกับแผนงานใหญ่ของไทยเบฟที่สร้างสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ “PASSION 2030” นั่นคือ 1. Reach Competitively: เข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาแบรนด์ ขยายสาขา และนำแบรนด์ร้านอาหารในเครือไทยเบฟเข้าไปอยู่กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และ 2. Digital for Growth: ขยายการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
“การขยายธุรกิจในปัจจุบันไม่ได้มองแค่การเปิดสาขาเพิ่ม แต่ต้องมองในมิติของการขยายศักยภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนและห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารเป็นไปอย่างสมดุล แข็งแรง และยั่งยืน” คุณไพศาล กล่าวเพิ่มเติม

ยกทัพ 15 แบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ “1 ร้าน 1 แบรนด์” เปิดใน One Bangkok
อีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มธุรกิจอาหารไทยเบฟในปีนี้ คือ การเปิดร้านอาหารภายใต้โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ “One Bangkok” (วัน แบงค็อก) ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท เพื่อเป็นโชว์เคสรวมแบรนด์ร้านอาหารในเครือไว้ในที่เดียว มากถึง 15 แบรนด์ โดยใช้กลยุทธ์ “1 ร้าน 1 แบรนด์” ไม่แข่งกันเอง แต่เสริมกันครบพอร์ตของร้านอาหารทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
– กลุ่ม OISHI: Hou Yuu (โฮว ยู), Sakae (ซาคาเอะ), Shabushi ICHITEN (ชาบูชิ อิชิเทน) เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ของชาบชิ มีบริการตอบโจทย์ Personalized Experience, OISHI Biztoro (โออิชิ บิซโทโระ)
– กลุ่ม QSA: KFC
– กลุ่ม FOA: บ้านสุริยาศัย, Man Fu Yuan, Vantage Point, Hyde & Seek, Food Street, Home by mx, สโมสร, เลิศเหลา, Café Chili, Chang Canvas
“ร้านอาหารที่เราเปิดใน One Bangkok ไม่ได้เป็นเพียงแค่การขยายจุดให้บริการ แต่คือการนำเสนอภาพรวมของพลังแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจอาหารของไทยเบฟ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ street food ไปจนถึง fine dining
เราตั้งใจให้ที่นี่เป็นเสมือนโชว์เคสที่สะท้อนความพร้อมของกลุ่มฯ ทั้งด้านคุณภาพสินค้า บริการ ประสบการณ์ที่แตกต่าง และศักยภาพในการแข่งขันในตลาดระดับบน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่ดี ระหว่างแบรนด์ของเรา กับผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาไลฟ์สไตล์ที่มีความหมาย” คุณไพศาล สรุปทิ้งท้าย