ในยุคที่อยากได้อะไรก็หยิบมือถือหรือเปิดคอมฯ มาไถหาสินค้าทั้งใน Social Media, e-Commerce หรือแม้แต่ในเว็บและเพจของแบรนด์เอง แค่นี้ก็สามารถซื้อสินค้าได้แล้ว แต่กระบวนการยังไม่จบเพราะหลังเสร็จสิ้นการซื้อก็มาต่อกันที่การขนส่ง ซึ่งปัจจุบันการขนส่งของไทยเรียกว่าอยู่ในระดับที่พัฒนาขึ้นมามาก มีทั้งการส่งพัสดุขนาดเล็กผ่านรถมอไซค์หรือส่งพัสดุขนาดใหญ่ผ่านรถกระบะ
ซึ่งถ้าอยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งจะรู้ว่า การขนส่งขนาดใหญ่บรรถบรรทุกสินค้าจะมีการวางแผนเส้นทางการเดินทาง เพื่อให้คุ้มค่ากับการใช้น้ำมันที่เป็นต้นทุนสำคัญ แต่การส่งพัสดุขนาดเล็กแม้จะมีการวางแผนเส้นทาง แต่เพราะส่วนใหญ่เป็นการจัดส่งโดยรถมอไซค์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ไม่มี…หลังคา!!! แม้ส่วนใหญ่จะมีกล่องปิดสนิท แต่ไม่ใช่ทุกคันที่มี…แล้วถ้าฝนตกหละ???
นั่นจึงทำให้ ไปรษณีย์ไทย ผู้นำธุรกิจขนส่งในไทยที่เรียกว่าเข้าถึงทุกบ้านทุกพื้นที่ ถึงจะอยู่หลังเขา กลางดงกลางป่า หรืออยู่บนเกาะห่างไกลก็สามารถเข้าถึงได้ ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ในการนำข้อมูลมาพัฒนาร่วมกันในรูปแบบ Information Logistics
แล้วมันดียังไง???
นั่นเพราะทั้ง 2 หน่วยงานล้วนมีข้อมูลมากมายมาหาศาล การนำข้อมูลมารวมกันจนกลายเป็น Big Data จะช่วยให้ไปรษณีย์ไทยสามารถวางแผนการเดินทางจัดส่งพัสดุได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลองคิดดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังฝนตกคืออะไร???
รถติดโพดๆ…
แล้วถ้าสามารถคาดการณ์ได้ว่าพื้นที่ไหนจะมีฝน แถมยังคาดได้ว่าจะมีฝนช่วงเวลาไหน ยิ่งทำให้การจัดส่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้รับพัสดุจะมีความสุขมากถ้าพัสดุมาถึงมือโดยที่ไม่เละเทะ เปียกปอน แถมยังอาจจะรวมไปถึงการจัดส่งที่ไวขึ้น เพื่อเลี่ยงการจัดส่งช่วงที่ฝนตกนั่นเอง
