ในโลกที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทรัพยากรน้ำกำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจ และความอยู่รอดของธุรกิจทั่วโลก
คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ชวนเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อน้ำใหม่ในเซสชัน ‘Water Resilience: Guiding Thailand’s Businesses Through the Climate Crisis Era คู่มือบริหารทรัพยากรน้ำ พาธุรกิจไทยฝ่าวิกฤตโลกร้อน’ จากงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024 พร้อมเผยมุมมองว่าการปรับตัวเพื่อบริหารทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ ‘ความจำเป็น’ ที่ธุรกิจต้องเร่งลงมือทำ
ทรัพยากรน้ำในโลกที่กำลังเปลี่ยนไป
ปัจจุบันน้ำไม่ได้เป็นทรัพยากรที่เข้าถึงง่ายอย่างที่หลายคนเคยเชื่อ แม้ว่าน้ำจะเป็นปัจจัยพื้นฐานของชีวิต แต่การจัดสรรน้ำอย่างไม่เท่าเทียมในหลายพื้นที่ทั่วโลกกลับกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ด้วยสาเหตุว่า
- น้ำเค็ม 97%: น้ำทั้งหมดบนโลกส่วนใหญ่เป็นน้ำทะเลที่ไม่สามารถดื่มหรือใช้ได้โดยตรง
- น้ำจืดเพียง 3%: และในน้ำจืดส่วนนี้ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากปัญหาคุณภาพ
ประเทศไทยแม้จะเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าถึงน้ำได้ง่าย แต่จากข้อมูลพบว่า บางพื้นที่ในหลายประเทศยังคงขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง อีกทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ปัญหาภัยแล้งรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อีกหลายแห่งต้องรับมือกับน้ำท่วม ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ด้านธนาคารโลกคาดการณ์ว่าในปี 2050 การขาดแคลนน้ำเนื่องจากขาดการบริหารทรัพยากรที่ดีจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเติบโต โดยรวมของ GDP ทั่วโลกต่ำลง ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์
“วันนี้เราเห็นแล้วว่า ผลกระทบจากการขาดแคลนทรัพยากรน้ำ มีผลต่อชีวิตของเราทุกคนเป็นเรื่องจริง ถ้าเราต้องการลดผลกระทบนั้น เราต้องกล้า และเริ่มแนวคิดการบริหารน้ำอย่างยั่งยืนตั้งแต่วันนี้” คุณสราวุฒิ กล่าวย้ำ
กลุ่มธุรกิจ TCP กับบทบาทผู้นำด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ
ในฐานะหนึ่งในธุรกิจเครื่องดื่มชั้นนำ กลุ่มธุรกิจ TCP ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ จึงได้ริเริ่มแนวทางบริหารทรัพยากรน้ำอย่างจริงจังผ่านเป้าหมาย Net Water Positive 2030 ตั้งเป้าคืนปริมาณน้ำกลับสู่ธรรมชาติให้เท่ากับหรือมากกว่าที่ใช้ และยังมุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศและชุมชน โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการน้ำที่ครอบคลุมทั้ง 2 ภาคส่วน คือ In process ทำงานภายในผ่านการดำเนินการ 3 ด้าน ดังนี้
- Water Security : การบริหารจัดการน้ำเพื่อความมั่นคงในทุกมิติ Water Security ของกลุ่มธุรกิจ TCP ไม่ใช่เพียงแค่การจัดการแหล่งน้ำที่เพียงพอสำหรับการผลิต แต่ยังรวมถึงการสร้างระบบที่สามารถรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำ โดยได้มีการขุดบ่อซึ่งสามารถเก็บน้ำได้ 3.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้เพียงพอต่อการผลิตในระหว่างปี
- Zero Wastewater Discharge – บำบัดน้ำเสียสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ได้ 100% แนวคิด Water Treatment 100% ของกลุ่มธุรกิจ TCP มุ่งเน้นการบำบัดน้ำเสีย โดยไม่มีการปล่อยน้ำเสียออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นการลดการใช้ทรัพยากร เพิ่มการหมุนเวียนและเพิ่มคุณค่าการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สุงสุด
- Smart Manufacturing: การยกระดับการใช้น้ำด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ มีการลงทุนในระบบการผลิตอัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีของเสียน้อยลง แนวทางดังกล่าวทำให้สามารถลดการใช้น้ำจากปี 2019 ลงถึง 24% นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ After process โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรและชุมชนภายนอกเพื่อการพัฒนาแหล่งน้ำ และคุณภาพชีวิตของชุมชนในระยะยาว ผ่านโครงการ “TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย” ที่กลุ่มธุรกิจ TCP ร่วมกับภาคีเครือข่ายและชุมชนในพื้นที่ 3 ลุ่มน้ำของไทย ซึ่งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ได้แล้วกว่า 40,000 ครัวเรือน
แนวคิด Nature-Based Solutions: คำตอบของอนาคต
หนึ่งในแนวทางที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นคือ Nature-Based Solutions (NBS) หรือการแก้ปัญหาโดยเลียนแบบธรรมชาติ เช่น การขุดลำน้ำให้คดเคี้ยว เพื่อฟื้นฟูเส้นทางน้ำ แทนการสร้างโครงสร้างคอนกรีตเพื่อกั้นน้ำ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ตัวอย่างโครงการที่ดำเนินอยู่ในประเทศไทย
- กลุ่มธุรกิจ TCP ได้นำ Nature-Based Solutions ที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวอย่างความสำเร็จในลำธารสวินเดลเบ็กของอังกฤษ จากการขุดลำน้ำให้คดเคี้ยวเลียนแบบธรรมชาติ ช่วยลดความเร็วการไหลของน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม นำมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงที่โรงงานของบริษัทตั้งอยู่ โดยออกแบบระบบจัดการน้ำให้คดเคี้ยวเพื่อชะลอการไหลของน้ำ และสามารถฟื้นคืนน้ำและธรรมชาติให้ระบบนิเวศได้ ผ่านโครงการ ‘TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย’ เพื่อพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
- คุณสราวุฒิยังยกตัวอย่างการรับมือแบบ Water Resilience ที่หลากหลาย เช่น อุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น หรือระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ และประเทศไทยที่ภายในต้นปีหน้าจะมีแอปพลิเคชันเตือนภัย ซึ่งจะพัฒนาให้ครอบคลุมพื้นที่การเตือนภัยได้มากที่สุด รวมถึงการสร้าง “เมืองฟองน้ำ” ที่มุ่งเน้นการจัดการน้ำท่วม เช่น “สวนป่าเบญจกิตติ” ที่สามารถฟื้นฟูระบบนิเวศ รวมถึงลดความเสี่ยงของน้ำท่วมและช่วยเก็บกักน้ำ
ต้นทุนแห่งการละเลย vs การลงทุนที่ยั่งยืน
ข้อมูลจาก CDP เผยว่าการแก้ไขปัญหาด้านน้ำหลังเกิดความเสียหายนั้นมีต้นทุนสูงกว่าการวางแผนบริหารน้ำล่วงหน้าถึง 5 เท่า ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนในเทคโนโลยี และการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม
อนาคตของธุรกิจไทย: สู่ความยั่งยืนที่แท้จริง
กลุ่มธุรกิจ TCP ไม่ได้หยุดเพียงแค่ความสำเร็จในประเทศไทย แต่ยังวางแผนขยายแนวทาง Net Water Positive ไปสู่โรงงานในเครือต่างประเทศ พร้อมผลักดันการบริหารน้ำให้เป็นหนึ่งในมาตรฐานสำคัญของธุรกิจในระดับโลก
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ TCP ยังมองว่า ความยั่งยืนคือเรื่องของความรู้และการลงมือทำ แม้บางโครงการอาจยังไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ผลลัพธ์เหล่านี้จะกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง
โมเดลการจัดการทรัพยากรน้ำของกลุ่มธุรกิจ TCP สะท้อนถึงแนวคิดการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า คืนกลับน้ำสู่ธรรมชาติ และเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำในทุกกระบวนการผลิต ซึ่งไม่เพียงช่วยธุรกิจ แต่ยังสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน
ในวันที่โลกกำลังเผชิญความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น การบริหารทรัพยากรน้ำไม่ใช่แค่การช่วยสิ่งแวดล้อม แต่คือหัวใจของความอยู่รอดในอนาคต การลงมือทำตั้งแต่วันนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจทุกประเภท