ด้วยความที่ “TCC Group” บริษัทของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นเจ้าของที่ดินหลายผืน อยู่ในจังหวัดและโซนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในช่วง 5 – 10 ปีมานี้ “กลุ่ม Asset World Retail” บริษัทในเครือ TCC Group ที่ดูแลการพัฒนาโครงการค้าปลีก ได้ลุยสร้างโครงการค้าปลีกบนที่ดินหลายทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ให้กับที่ดินผืนนั้นๆ
หนึ่งในกลยุทธ์การพัฒนาโครงการค้าปลีกของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ คือ ใช้แนวคิด “Theme Retail” กับที่ดินที่มีประวัติศาสตร์ทรงคุณค่าอันยาวนาน ซึ่งความหมายของ “Theme Retail” คือ การสร้างคอนเซ็ปต์ของโครงการค้าปลีกให้มีความชัดเจน และออกแบบทุกองค์ประกอบให้สอดคล้องไปกับแนวคิดที่กำหนดไว้ ทั้งสถาปัตยกรรม ร้านค้า บริการ การตกแต่ง ฯลฯ
ดังนั้นสำหรับที่ดินที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ทรงคุณค่ามายาวนาน ทางกลุ่ม Asset World Retail จะใช้ความได้เปรียบของสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ มาต่อยอดเป็นคอนเซ็ปต์ และการออกแบบโครงการ โดย Theme Retail แรกที่ Asset World Retail พัฒนาขึ้นและเปิดให้บริการแล้ว คือ “โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ที่พัฒนา-ปรับปรุง โดยนำโกดังและโรงเลื่อยเก่าของบริษัทอีสต์ เอเชียติกในสมัยรัชกาลที่ 5 มาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ลุยค้าปลีกเชียงใหม่
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่ม TCC Group ปักหมุดในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะมองว่าเป็นจังหวัดใหญ่ที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และโลจิสติกส์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางในด้านการท่องเที่ยวของภาคเหนือ
ประกอบกับมีประชากรย้ายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาอยู่อาศัยหรือมาทำงาน และในมุมไลฟ์สไตล์ของคนเชียงใหม่ความรีบเร่งในการใช้ชีวิตถือว่ายังน้อยกว่าคนกรุงเทพฯ แต่มีมุมที่คล้ายกันในด้านการท่องเที่ยวแบบไลฟ์สไตล์ด้วยการสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเอง และเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ กับความดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมของสถานที่นั้น ทำให้ชาวเชียงใหม่นิยมหาสถานที่พักผ่อนและพบปะสังสรรค์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น
พลิกโฉม “บ้านโบราณ 150 ปี” สู่โครงการศูนย์การค้าขนาดย่อมในชื่อ “บ้านโบราณเชียงใหม่”
ล่าสุด “Asset World Retail” ได้นำบ้านโบราณอายุกว่า 150 ปี ย่านใจกลางเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ติดริมแม่น้ำปิง มาพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ “บ้านโบราณเชียงใหม่” (Ancient House Chiangmai)” ด้วยงบลงทุน 170 ล้านบาท
คุณณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มรีเทล บริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (TCC GROUP) ฉายภาพว่า โครงการดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นจากความตั้งใจของกลุ่มบริษัท TCC ที่ต้องการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของดั้งเดิมไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้เรื่องราวในอดีต ซึ่งน่าเสียดายหากสิ่งเหล่านี้ต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ดังเช่นที่บริษัทฯ ได้พัฒนาปรับปรุงโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
ด้วยนโยบายในด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่งดงามในอดีต บริษัทฯ จึงได้พัฒนาพื้นที่บ้านโบราณให้เป็นโครงการบ้านโบราณเชียงใหม่ โดยการบูรณะตัวบ้านเพื่ออนุรักษ์บ้านไว้เป็นมรดกสำหรับลูกหลานเชียงใหม่ บอกเล่าเรื่องราวในอดีตอันรุ่งเรืองของการค้าเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย
– การซ่อมปรับปรุงตัวบ้านโบราณ โดยวิธีแบบโบราณโดยยังคงรักษาจิตวิญญาณของบ้าน รวมทั้งรักษาสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้
– สร้างร้านค้าในรูปแบบเฮือนแป (รูปแบบร้านค้าแบบดั้งเดิมของเชียงใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากภาคกลางในยุคต้นรัชกาลที่ 5 อ้างอิงจากร้านค้าย่านวัดเกตุ) เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 หลัง ประกอบด้วยร้านค้า และร้านอาหารจำนวนรวม 7 ร้านค้า เพื่อนำเสนอในรูปแบบศูนย์การค้าเชิงวัฒนธรรมขนาดเล็ก (CULTURAL ANTIQUE MALL) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
โดยตัวบ้านโบราณในอดีต ถูกปรับให้เป็นร้านอาหาร The Chocolate Factory ส่วนร้านค้าเฮือนแป ประกอบด้วยร้านค้าของที่ระลึกเชียงใหม่ 6 ร้าน เพื่อสร้างเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
– มีแผนพัฒนาโครงการให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเชียงใหม่
ทางด้าน คุณสุรภี ขันอาษา ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มศูนย์การค้าภาคเหนือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ แอดไวซ์เซอร์รี่ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของบ้านโบราณเชียงใหม่นั้นวางไว้เป็นชาวไทย 70% ทั้งคนในเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ และชาวต่างชาติ 30% โดยรวมชาวต่างชาติที่อาศัยในเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่
เราเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเราได้กลุ่มผู้เช่าพื้นที่เป็นแบรนด์ผู้ประกอบการคุณภาพและมีชื่อเสียงอย่างร้าน The Chocolate Factory ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว และมีคอนเซปต์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งรูปแบบและรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มด้วยวัตถุดิบในการทำอาหารจากโครงการหลวงของทางภาคเหนือ รวมถึงรายการอาหารพิเศษที่มีเฉพาะที่นี่ และยังมีฐานลูกค้าเดิมจากทั้ง 3 สาขาที่เปิดมาแล้ว
ภายในโครงการยังรวบรวมร้านค้าของที่ระลึกอื่นๆ ไว้อีกมากมายเช่น ร้านดอยคำ, Elephant Parade, ROC (Royal Orchid Collection), Kinaree The gallery of Asia, Thai Craft หัตถกรรมไทย และ Fourvector ผนวกกับบ้านโบราณเชียงใหม่อายุกว่า 150 ปี ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามทรงคุณค่า และยังมีสถานที่จัดกิจกรรมริมแม่น้ำปิงบรรยากาศชิคและชิว ซึ่งถือเป็นจุดขายของโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงคนท้องถิ่นได้อย่างดี
“ด้านการประชาสัมพันธ์โครงการนั้น ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดีจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสาขาเชียงใหม่ ตลอดจนโรงแรมต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายของผู้เช่าให้มากขึ้น โดยการจัดกิจกรรมร่วมกับร้านค้าต่างๆ รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง และนำเอาเอกลักษณ์ของบ้านโบราณเชียงใหม่มาผสมผสานกับจุดเด่นของร้านค้า รวมถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและวัฒนธรรมตามเทศกาลต่างๆ เช่น งานสินค้า OTOP งานสงกรานต์ งานยี่เป็ง เป็นต้น”