ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแส K-Culture มาแรงมากในไทย โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 6 ของโลก ด้วยมูลค่าสินค้าและบริการกว่า 9,636,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยกลุ่ม Gen Z ซึ่งมีความเป็นกลุ่มก้อนเหนียวแน่นชัดเจน เห็นได้จากการรวมพลังเพื่อสนับสนุนศิลปินที่รักเต็มที่ เช่น การ sold out ของแทบทุกคอนเสิร์ต การสร้างปรากฎการณ์ห้างแตก การมีด้อมระดับนานาชาติที่ทรงพลังในโซเชียลมีเดีย เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและทรงพลัง
นอกจากนี้ เมื่อมองในภาพรวมสัดส่วนประชากรไทย Gen Z มีสัดส่วนถึง 23% มีบทบาทสำคัญในตลาดอุปโภคบริโภค มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกและจับจ่ายสินค้าที่เหมาะกับตนเอง ดังนั้น การเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมใหม่นี้จึงส่งผลให้อิชิตันพัฒนาเครื่องดื่มที่ตอบสนองพลังร่วมสมัย และเป็นการพลิกโฉมยุคใหม่ของอิชิตัน ที่ไม่ได้ดีแค่ชา ด้วยการสร้างพอร์ตสินค้าในแคทิกอรีอื่นๆ
“ผมไปสนามบิน แล้วเห็นเด็กๆ แฟนคลับมารอศิลปินที่เขาชอบตั้งแต่ 3 ทุ่ม นั่งรอกับเต็มไปหมดเลย แล้วพอได้ไปคุยพวกเขาก็บอกว่าอยากให้เอาศิลปินที่เขาเชียร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย หรือเอาของที่เกียวกับเกาหลีมาทำเป็นสินค้าด้วย ผมว่าก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ก็เลยกลับมาโยนไอเดีย โยนโจทย์ให้กับทีมว่า เราจะทำอะไรกับตลาดนี้ได้บ้าง เพราะเป็นตลาดที่เติบโตสูงมาก แม้แต่กลับบ้านมาผมก็มีลูก มีหลาน ผมก็เห็นแต่คนรุ่นใหม่ๆ ดูซีรีส์เกาหลี ฟังเพลงเกาหลี แล้วก็ดื่มขวดเขียวๆ แบบนี้ไปหมด ก็เป็นที่มาของการที่เราตัดสินใจบุกตลาดนี้ให้เป็นหนึ่ง สินค้า Non-tea ของเรา” ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
นี่คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ อิชิตัน กรุ๊ป ลอนช์ แบรนด์ใหม่ให้ชื่อว่า “ตันซันซู” เครื่องดื่มที่จะมาสร้างประสบการณ์ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ตันซันซู โคเรียนโซดา สดชื่น ซ่าส์ ไม่มีน้ำตาล” พร้อมเจาะกลุ่มฐานลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคน Gen Z (อายุ 13-25 ปี) ซึ่งเน้นความอีโมชั่นนอล และ กลุ่ม Korea Love ที่หลงใหลในวัฒนธรรมเกาหลีต่างๆ (อายุ 13-35 ปี)
“ตันซันซู” (TANSANSU) วางเป้าหมายเป็นไม้เด็ด เป็นอาวุธ สำคัญของอิชิตัน กรุ๊ป ที่จะมาขยายพอร์ตสินค้าใหม่และถือเป็นครั้งแรกที่มาบุกตลาด “น้ำอัดลม” ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเครื่องดื่มที่ใหญที่สุดของไทย
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Nielsen ระบุถึงภาพรวมตลาดน้ำอัดลมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ระบุว่า มีมูลค่าตลาด 42,695 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีการแบ่งออกเป็น Segmentation อีก 2 ตลาดได้แก่ อัดลมน้ำดำ กับอัดลมน้ำสี ในขณะที่ เครื่องดื่มอัดลมน้ำดำ น้ำตาล 0% มีมูลค่าตลาด 2,732 ล้านบาท โต 20.2% และ เครื่องดื่มอัดลมน้ำสี น้ำตาล 0% มีมูลค่าตลาด 2,026 ล้านบาท โตถึง 57.2% โดยตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำตาล 0% มีการเติบอย่างก้าวกระโดด
“ตันซันซู” ชื่อนี้มีที่มา
คุณตัน ระบุว่า “มีการนำเสนอชื่อแบรนด์ใหม่นี้มาให้ผมมากมาย ทั้งเอเจนซี่ส่งมา ทั้งทีมภายในผมก็ส่งมา มากกว่า 50 ชื่อเลย มันก็ยังไม่โดนใจสักที จนกระทั่ง มีการเสนอชื่อว่า “ตันซันซู” โดยสามารถแผลงเรียกเป็น “ตันสั่นสู้” ก็ได้ คือผมให้ทุกคนลุกขึ้นสู้ก็ได้ หรือจะแปลเป็นภาษาเกาหลีก็มีความหมายใกล้กัน ก็คือ “ตันซัน แปลว่า ซ่าส์” ส่วน “ซู แปลว่า น้ำ”
สำหรับ “ตันซันซู” ตอนนี้มีด้วย 2 รสชาติแรก ได้แก่ โซจูบอมบ์ ซ่าได้ฟีล และ โซจู โยเกิร์ต ซึ่งถือเป็นรสชาติที่แตกต่างแปลกใหม่แลยอดฮิตของคอดื่มโซจู แล้วยังสามารถดื่มสนุกได้แบบ 0% แอลกอฮอล์ 0% น้ำตาล มาพร้อม High Vitamin C ในขนาด 360 มล. ราคาที่วัยรุ่นซื้อได้คือ 20 บาท ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งหลังลอนช์ไม่นานก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เซเว่นบางแห่งถึงกับขาดตลาด โดยวางเป้าหมายยอดขาย 150 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งตอนนี้มีการวางขายหลักๆ ที่เซเว่น บิ๊กซี และไฮเปอร์มาร์ททั่วไป อย่างไรก็ตาม ก็มีการเตรียมแผนว่าอาจจะวางขายที่ร้านปิ้งย่างเกาหลีหรือร้านอาหารสไตล์เดียวกันต่อไปด้วย เพื่อผลักดันให้ไปถึง เป้าหมายยอดขาย 600 ล้านบาทในปีหน้า พร้อมกับการอัดกำลังการผลิตเต็มที่ 67% ซึ่งเรายังสามารถเพิ่มอัตราการผลิตได้อีกถึง 33% ทำให้มั่นใจว่าสำเร็จตามเป้าหมาย
ในแง่ของงบฯ มาร์เก็ตติ้ง สำหรับแบรนด์ “ตันซันซู” อยู่ที่ 100 ล้านบาท คิดเป็น 16.6% ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ทุ่มงบฯ การตลาดให้สูงสุด เป็นอันดับ 1 ในปีนี้ โดยจะให้ความสำคัญที่การทำดิจิทัลมารเก็ตติ้งค่อนข้างมากเพราะต้องการสื่อสารกับคน Gen Z นอกจากนี้ ยังมีเตรียมการเปิดตัวศิลปิน K-Pop ยอดนิยม มาเป็น Endorser ของแบรนด์ในปีหน้า เพื่อผลักดันให้ไปถึง เป้าหมายยอดขาย 600 ล้านบาทภายในปี 2566 ที่ได้วางไว้
“คนที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์นี้เราอยากได้เป็นตัวแทนของ K-Pop อย่างแท้จริง ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเจรจา ค่าตัวค่อนข้างแรง แต่ยืนยันว่าถ้าเปิดตัวจะต้องกระหึ่มอย่างแน่นอน”
สำหรับแผนการผลักดัน “ตันซันซู” ในอนาคต คุณตัน ระบุว่า มีโอกาสที่จะสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ ออกมาอีกอย่างแน่นอนเพื่อต่อยอดความสำเร็จของ 2 รสชาตินี้ หรืออาจจะเป็นการผลักดันเครื่องดื่มยอดฮิตอีกตัวของเกาหลีก็ได้ อย่าง “มักกอลลี” ที่เป็นที่นิยมในไทยเช่นกัน
“โอกาสมันเป็นไปได้หมด หรือแม้แต่เราจะเอา “ตันซันซู” นอนแอลโซจูของเราไปบุกเกาหลีก็เป็นไปได้ เพราะเรามีเครื่องจักรที่ผลิตได้อยู่แล้ว หรือแม้แต่เราจะเอาสิ่งที่เป็น Soft Power ของเราไปบุกตลาดต่างประเทศก็ได้ อย่างตอนนี้ก็มีนำน้ำชาไทย ไปขายที่อินโดนีเซีย และกัมพูชา ก็เป็นตลาดที่เรานำของไทยไปบุกต่างประเทศ สร้าง Soft Power ไทย เช่นเดียวกับที่เกาหลีประสบความสำเร็จในเรื่องอาหารมาบุกต่างประเทศ”