หลายคนที่เดินทางไปต่างประเทศคงจะทราบดีว่าหากต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศควรแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทยและสำหรับคนที่เดินทางต่างประเทศบ่อยบ่อยคงจะทราบดีว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการแลกเปลี่ยนเงินตรากับทางธนาคารพาณิชย์จะได้เงินไม่เท่ากับบริษัทเอกชนที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉพาะแบรนด์สำหรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีสำหรับนักเดินทางต่างประเทศอย่างSuperrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว
ปัจจุบันคนไทยนิยมหันมาเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้นสังเกตได้จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. 2561 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาชี้แจงว่ามีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ 283,564 คน เพิ่มขึ้น 31.4% มีค่าใช้จ่าย 8,345 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 530,000 คน เพิ่มขึ้น 13%จากปีก่อน ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 9,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%จากปีก่อน
นั่นจึงทำให้ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2560 ที่ผ่านมาที่มีการแลกเปลี่ยนเงินตรารวมมูลค่ากว่า 1.1 แสนล้านบาท นั่นจึงทำให้ Superrich Thailand ให้ความสำคัญกับสาขาที่มีอยู่โดยเฉพาะสาขาที่มีการใช้บริการที่มากจะมีการขยายจากเดิมที่มีพนักงานประจำสาขาเพียง 3 คนก็ขยายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4-5 คนต่อสาขา โดยเฉพาะสาขาเซ็นทรัลพระราม 9, สาขาราชดำริ, สาขาสุวรรณภูมิ, สาขาสยามพารากอน และสาขาเซ็นทรัลปิ่นกล้า
นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือ King Power โดยสมาชิกของ King Power จะได้รับส่วนลด 0.05% เมื่อแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นสกุลต่างประเทศตั้งแต่ 10,000-500,000 บาท/ครั้ง/วัน และสามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อสกุลเงินต่างประเทศได้ นอกจากนี้ Superrich Thailand ยังชี้ว่า ภาคใต้จัดเป็นภาคที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเงินสูงสุดเนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมากมาย ซึ่ง Superrich Thailand จะมีพันธมิตรและคู่ค้าในการให้บริการ โดย Superrich Thailand จะเน้นไปที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานครเป็นหลัก
สำหรับสัดส่วนผู้ที่เข้ามาแลกเงินตรายังคงเป็นคนไทยอยู่ที่ 60% และเป็นชาวต่างชาติอีก 40% โดยส่วนใหญ่ชาวต่างชาติที่นิยมเข้ามาแลกเปลี่ยนเงินตราจะเป็นชาวจีน, ไต้หวัน และฮ่องกงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงเป็นสกุลเงินที่มีการแลกเปลี่ยนมากที่สุด รองลงมาจะเป็นสกุลเงินเยนญี่ปุ่นและสกุลเงินยูโร
Superrich Thailand ยังชี้ว่าปัจจุบันพฤติกรรมคนเปลี่ยนไป จากเดิมนิยมแลกเปลี่ยนเงินตราก่อนเดินทาง 2-3 วัน ปัจจุบันหลายคนนิยมแลกเงินตราโดยดูจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินเป้นหลัก แม้จะยังไม่มีแผนการเดินทาง แต่มักนิยมแลกเก็บไว้ก่อน นอกจากนี้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรากำลังแข่งขันอย่างรุนแรง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์หันมาเล่นในตลาดนี้มากขึ้น โดยในอดีต Superrich Thailand จะอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคาร แต่ปัจจุบันธนาคารเริ่มหันมาอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนจาก Superrich Thailand ในเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัล Superrich Thailand เองได้เตรียมแผนในการขยายช่องทางการสื่อสารไปในหลายช่องทางทั้ง LINE@ Facebook เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการสร้างแอปพลิเคชั่นของ Superrich ขึ้นโดยใช้เป็นช่องทางสื่อสาร
จากการคาดการณ์คาดว่า อนาคต Superrich Thailand น่าจะทำอะไรกับแอปพลิเคชั่นได้มากกว่านี้ เช่น สามารถแลกเปลี่ยนเงินตราผ่านแอปพลิเคชั่น นั่นจำเป็นที่ Superrich Thailand จะต้องทำระบบบัญชีอิเลคทรอนิกส์เพื่อใช้เก็บเงินในรูปแบบอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งสามารถไปที่สาขาของ Superrich Thailand แล้วน้ำเงินสดในสกุลต่างๆ ที่แลกไว้แล้วออกมา และนั่นหมายความว่า Superrich Thailand จะต้องทำตัวเป็น e-Wallet ซึ่งทาง Superrich Thailand ชี้แจงว่ากำลังเจรจากับทางธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากการทำ e-Wallet จะต้องขอใบอนุญาตเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจา