งานที่คนสายเทคฯ รอคอยกลับมาอีกครั้งสำหรับ KBTG Techtopia ที่ปีนี้มาในธีม A Blast From the Future งานที่เปรียบได้กับรถไฟสายพิเศษที่จะพาผู้เข้าร่วมงานพุ่งทะยานสู่อนาคต ซึ่งก็ต้องบอกว่า KBTG ทำใหญ่และทำถึงมากกว่าเดิม เพราะในปีนี้นอกจากจะขนทัพ Speaker ผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยีมากกว่า “ครึ่งร้อย” มารวมตัวกันที่มิตรทาวน์ ฮอลล์ สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้แล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยความรู้เทคโนโลยีที่ไม่ได้มีเฉพาะโลกของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Web3, Blockchain หรือแม้แต่ Quantum รวมถึงเทคโนโลยีในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเนื้อหาที่ KBTG Techtopia: A Blast From the Future นำมาเล่าผ่าน 3 Stage ตั้งแต่เช้ายันเย็นและที่สำคัญในปีนี้มีเวทีซึ่งมีคนให้ความสนใจเข้าฟังกันอย่างล้นหลามนั่นก็คือ Exclusive Session จาก Stage 2 ‘Exploring Horizon’ ที่ KBTG จับมือกับ The Secret Sauce เล่าเรื่องราวเทคโนโลยีและเคสธุรกิจที่น่าจับตามองของไทยในสไตล์ The Secret Sauce ได้อย่างน่าสนใจ ไม่นับรวม Playground Workshop อีก 6 Workshop ที่มีคนสายเทคฯ ตัวจริงมาสอนเทคนิคต่างๆ แบบจับมือทำ และแน่นอนว่ามีปีนี้ยังคงมี Product Showcase Exhibition จาก Partner รวมถึงผลงานเทคโนโลยีของ KBTG ที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวมถึง เทคโนโลยีที่ Comercialized จริงอีกมากมายหลายตัวมาให้ว้าวกันมากมาย
ความน่าสนใจของงาน KBTG ที่เรียกว่าทำใหญ่ทำถึงคืออะไร? Marketing Oops! จะพาทุกคนนั่งรถไฟสายอนาคตกับงานอีเวนท์เทคโนโลยีแห่งปีจากการไปร่วมงานนี้มาให้ได้อ่านกัน
“มนุษย์ที่พัฒนาตนเองด้วย AI จะแทนที่คนที่แค่ใช้ AI”
หนึ่งในมุมมองด้านเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดแน่นอนว่าต้องมาจาก KBTG บริษัทที่เป็น Tech Arm ของธนาคารกสิกรไทยที่มีผลงานมากมายให้คนไทยได้สัมผัสกันมาแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง K PLUS ที่เรียกว่าเป็นแอปพลิเคชันธนาคารที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดในประเทศไทย ที่มาให้มุมมองเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยี และวิชั่นสำคัญของ KBTG ที่เรียกว่า Human-First, AI-First Transformation
คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) พูดถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับ Human เปลี่ยนวิชั่นจาก AI First Transformation มาสู่ Human-First, AI-First Transformation ของ KBTG ไว้อย่างน่าสนใจว่า การที่จะใช้เทคโนโลยีจะไม่มีประโยชน์เลยหากนำมาใช้แล้วชีวิตคนไม่ดีขึ้น ดังนั้น KBTG จึงคิดเสมอว่าเมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้แล้วจะต้องทำให้ชีวิตคนดีขึ้น ทั้งพนักงาน ลูกค้า รวมไปถึงสังคมโดยรวม
โดยเฉพาะแนวคิดที่ตอบคำถามว่า AI จะมาแทนที่มนุษย์หรือไม่ ที่คุณกระทิงบอกเอาไว้และหลายๆองค์กรในทุกอุตสาหกรรมสามารถไปใช้ได้
“มนุษย์ที่พัฒนาตัวเองด้วยการใช้ AI จะมาแทนที่คนที่แค่ใช้ AI องค์กรก็เช่นกัน” คุณกระทิงระบุใน Session “Transform to Thrive in the Age of AI”
เข้าใจ AI จาก God Father of AI
นับเป็น Session ที่มีคนเข้าฟังแบบเต็มจนล้นฮอลล์ก็ว่าได้สำหรับช่วงของคุณ Andrew Ng (แอนดรูว์ อึ้ง) ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ระดับโลกผู้ก่อตั้ง AI Fund และ LandignAI บุคคลที่คนในแวดวงเทคโนโลยีและ AI หลายๆคนต่างเรียกกันว่าอาจารย์ ที่มาเล่าให้เข้าใจถึงพัฒนาการของเทคโนโลยี AI ที่เดินทางจาก “Supervised Learning” มาสู่การเป็น “General Purpose Technology” ที่ไม่ต่างจากการเกิดขึ้นของ “ไฟฟ้า” เมื่อร้อยปีก่อน
ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับความกังวลว่า AI จะมาแทนคนนั้นคุณ Andrew มองว่า AI จะมาแทนที่ “งาน” ไม่ใช่ “คน” โดยอธิบายว่า AI จะมาทำงานต่างๆโดยอัตโนมัติแทนคนแต่ไม่สามารถมาทำ “อาชีพ” ต่างๆแทนมนุษย์ได้ พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลสถิติด้วยว่าปัจจุบันจะมีงานราว 20-30% ที่ AI มาช่วยทำแบบอัตโนมัติ แต่ก็ยังมีงานอีก 70-80% ที่มนุษย์ยังต้องทำต่อไปและ AI ไม่สามารถมาทำแทนได้
มุมที่น่าสนใจจากบิดาแห่ง AI ผู้เคยประสบความสำเร็จกับการสร้าง AI Startup ใน Silicon Valley เมืองหลวงแห่งเทคโนโลยีของโลกมาแล้ว โดยเฉพาะคนที่กำลังปั้น Startup หรือสนใจลงทุนใน Startup ก็คือขั้นตอนของการสร้าง AI Startup กับพันธมิตรตั้งแต่การคิด Ideas, Validate, Recruit CEO, Build with CEO, Pre-Seed Growth และ Scale โดยเฉพาะแนวคิดของการ Recruit CEO ที่จะต้องเป็น AI Technical Expertise จริงๆเพื่อให้สามารถนำไอเดียไปทำให้เกิดเป็นจริงขึ้นมาได้นั่นเอง
Bio Technology เทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต
ไม่เฉพาะเทคโนโลยี AI เท่านั้นที่ถูกพูดถึงในงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future ในปีนี้แต่อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจและจะเป็นอนาคตและโอกาสสำหรับมนุษยชาติก็คือเทคโนโลยีชีวภาพหรือ Bio Technology ที่หมอเอ้ว ดร.ชัชพล เกียรติขจรธาดา ผู้เขียนหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่ขายดิบขายดีอย่าง “เรื่องเล่าจากร่างกาย” รวมถึง “500 ล้านปีแห่งความรัก” มาเล่าให้เห็นพัฒนาการของ Bio Techonology ที่ปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะแก้ปัญหาให้กับชีวิตมนุษย์ในหลายๆเรื่อง
หมอเอ้ว ทำให้เราเข้าใจ Bio Technology แบบเห็นภาพว่าคือเทคโนโลยีที่มนุษย์เข้าไปเปลี่ยนแปลงลำดับพันธุกรรมทำให้สามารถสร้างพืช หรือสิ่งมีชีวิต นำไปสู่การพัฒนาวัสดุ Bio Tech รูปแบบต่างๆ เช่นเส้นใย หนังสัตว์ เนื้อ หรือแม้แต่อิฐสำหรับการก่อสร้างได้จากห้องแลปโดยไม่ต้องพึ่งพาพืชหรือปศุสัตว์ที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมได้
ปัจจุบันก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้วางตลาดจริงแล้ว เช่น “เนื้อสัตว์” ที่สามารถนำไปปรุงอาหารได้ “ผักและผลไม้” ที่สามารถเพิ่มสารอาหารให้ประโยชน์กับมนุษย์เพิ่มขึ้นได้ ผลิตภัณฑ์ “เครื่องหนัง” ที่ผลิตจากหนังสัตว์จากเทคโนโลยี Bio Tech ช่วยลดผลกระทบจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ “เส้นใย” จากยีนใยแมงมุม ที่นำไปสู่การผลิตเสื้อผ้าหรือวัสดุในรถยนต์ หรือแม้แต่ “สีสังเคราะห์” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้นับเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เห็นว่าขอบเขตของเทคโนโลยีที่เป็นอนาคตและโอกาสของมนุษย์นั้นมีขอบเขตที่กว้างขวางออกไปมากกว่าเทคโนโลยีที่เราเคยรู้จัก
Web 3 โลกอินเตอร์เน็ตไร้ศูนย์กลาง
Web 3 ก็เป็นอีกเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงใน Exclusive Session โดย The Secret Sauce เช่นกันโดยมีคุณธรรมลักษณ์ สิงหพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง ContributionDAO สตาร์ทอัพด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบการเงินบน Web 3 ที่เพิ่งระดมทุนในรอบ Seed ในช่วงต้นปีไปได้ถึงกว่า 100 ล้านบาทมาอธิบายถึงเทคโนโลยี Blockchain ใน Session “Web 3.0: A Decentralized Future Powered by Blockchain
คุณธรรมลักษณ์ เปิดโลกของ Web 3 ที่มีพื้นฐานคือระบบที่เรียกว่า Blockchain ให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็นเหมือนกับ คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องที่เชื่อมต่อกันอยู่ แต่ละเครื่องเรียกว่าเป็น Block แต่ละ Block จะมีข้อมูลเก็บไว้และ “ข้อมูลจะเหมือนกันหมด” เพราะแต่ละ Block จะถูกเชื่อมต่อเข้าไว้ด้วยกันเพื่อตรวจข้อมูลย้อนหลังกับ Block ก่อนหน้าและทำแบบเดียวกันกับ Block ถัดๆไปกลายเป็นลูกโซ่ หรือ Chain เรียกระบบนี้รวมๆว่า Blockchain ที่ทำให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
เทคโนโลยีนี้ส่งผลให้การทำธุรกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางอีกต่อกลายเป็นเทคโนโลยี Blockchain รูปแบบต่างๆตั้งแต่ Bitcoin, Ethereum, Defi, NFT ไปจนถึงเทคนิคการระดมทุนแบบ ICO เกิดเป็นการลงทุนสู่โมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่ในเมืองไทยก็มีเกิดขึ้นหลากหลายอย่างเช่นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในไทยที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่แปลงอสังหาริมทรัพย์อย่างคอนโดให้กลายเป็นโทเคน โดย 1 โทเคน เท่ากับ 1 ตารางนิ้ว เปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้มีทุนเยอะ แต่อยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ได้เป็นต้น
จาก Pain Point สู่เทคโนโลยีที่สร้างธุรกิจได้จริง
แน่นอนว่านอกจากเทคโนโลยีรูปแบบต่างๆแล้วการนำเสนอ Use Case จริงของการใช้เทคโนโลยีจนกลายมาเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจริงก็เป็นอีกสิ่งที่ KBTG ทำได้ดีใน KBTG Techtopia ปีนี้ผ่าน Session “Catching Opportunities in the New Era” ที่มีตัวอย่างคนสร้างธุรกิจด้วยเทคโนโลยีอย่าง คุณฐากูร ชาติสุทธิผล ผู้ร่วมก่อตั้ง FoodStory และหัวหน้าฝ่ายนวัตกรรม POS LINE MAN Wongnai, รศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และคุณพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง freshket มาเล่าถึงการใช้เทคโนโลยีมาแก้ painpoint และสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
อย่างเช่นคุณพงษ์ลดา freshket ที่มาเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เห็นโอกาสและ painpoint ของตลาดอาหารจากประสบการณ์ทำธุรกิจมัดคัดตัดแต่งวัตถุดิบในตลาดไทสู่การทำโซลูชั่นรวบรวมแห่งวัตถุดิบทั้งของสดและของแห้งส่งตรงถึงร้านอาหารโดยใช้เทคโนโลยีเข้าไปในทุกขั้นตอนสร้างประสบการณ์การสั่งวัตถุดิบให้ดีที่สุดสำหรับร้านอาหาร นอกจากนี้ยังเตรียมขยายฐานลูกค้าร้านอาหารให้มากขึ้น และพัฒนาไปสู่โมเดล Food Supply Chain as a Service ด้วยเทคโนโลยีนั่นเอง
สิ่งนี้นับเป็นประสบการณ์ตรงที่สามารถเรียนรู้ได้จากการลงมือทำและประสบความสำเร็จจริงเป็น Use Case ของการใช้เทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้จริงได้นั่นเอง
เจาะเทรนด์เทคโนโลยีการเกษตร สุขภาพ และการศึกษา
จุดเด่นของ KBTG Techtopia ในปีนี้ก็คือการจับเทรนด์เทคโนโลยีที่ไม่ได้ลึกลงไปในแต่ละสายเท่านั้นแต่ยังมองเทรนด์ที่กว้างมากขึ้นกว่าปีก่อนขยายไปสู่เทคโนโลยีในหลากหลายอุตสาหกรรมด้วยอย่างเช่น “เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร” ใน Session “Global Sustainable Agricultural Innovation” จากคุณปีตาชัย เดชไกรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Jasberry บริษัทผู้บุกเบิกนำเข้าข้าว Rice Berry สายพันธุ์ข้าว Superfood ที่ขายในห้างที่สหรัฐกว่า 3,000 สาขา
คุณปีตาชัย เล่าว่า Jasberry เกิดจากเทคโนโลยีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ก่อนจะสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจยสร้างแบรนด์ข้าวที่ไปแข่งขันในตลาดโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด “เปลี่ยนโฟกัสจากการสร้าง World Class Product เป็นการสร้าง “World Class Brand” เปลี่ยนการนำเสนอจาก Rice เป็น Superfood Rice ที่ให้ Value กับผู้บริโภคมากขึ้น รวมไปถึงหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จอย่าง เรื่องทีมงาน การสร้างโมเดลธุรกิจ การสร้างนวัตกรรม และการพัฒนาการเกษตรที่ประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง
นอกจากมุมเทคโนโลยีด้านการเกษตรแล้วยังมีมุม “เทคโนโลยีด้านสุขภาพ” ใน Session “Transforming Healthcare Industry in the Age of AI”โดยมีนายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอชมาเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้านสุขภาพเฟรมเวิร์คในการพัฒนาองค์กรในยุคที่เทคโนโลยีอย่าง AI ก้าวเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ในกระบวนการป้องกันโรคที่ประสบความสำเร็จมากกว่า และเดินทางสู่อนาคตของธุรกิจโรงพยาบาลที่จะเดินทางไปหาผู้ป่วยถึงบ้านเป็นต้น
อีกสิ่งที่น่าเรียนรู้ก็คือเทคโนโลยีใน “อุตสาหกรรมการศึกษา” ใน Panel Session “The Future of Education” ที่มีคุณฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารู้ร่วมก่อตั้ง SkillLane ที่มาเล่าถึงนวัตกรรมการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยี AI ที่ช่วย Personalize การเรียนให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและบรรลุเป้าหมายในการเรียนรู้ได้ดีกว่าการเรียนการสอนแบบเดิม รวมไปถึงดร.เจริญชัย บวรธรรมรัตน์ Senior Venture Director จาก KBTG เองที่มีหลากหลายโครงการในการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีของคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นโครงการ KBTG Kampus ที่สร้างระบบนิเวศน์ของการเรียนรู้ขึ้น ตั้งแต่การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยปรับหลักสูตรรับนักศึกษาเข้าฝึกงานเป็นเวลา 2 ปีเต็ม การทำโครงการ ClassNest พัฒนาทักษะสำหรับบุคคลทั่วไป รวมไปถึงการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยด้วยการทำ Co-Research จนออกมาเป็นเทคโนโลยีรูปแบบต่างๆที่ได้เห็นจาก KBTG นั่นเอง
เรียนรู้จากการทำจริงที่ Playground Workshop
นอกจากความน่าสนใจจากเวทีสัมมนาทั้ง 3 เวทีแล้ว KBTG Techtopia ในปีนี้ก็ยังคงมีอีก 6 Workshop ที่เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจองที่นั่งล่วงหน้าเต็มในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับ Playground Workshop ในปีนี้มีกิจกรรมที่ให้ได้เข้าเรียนหลากหลายเรื่องเช่น “Generative AI Gameday” ที่จัดโดย AWS กิจกรรมการแข่งขันเป็นทีมที่ทำให้ได้ฝึกฝนการ “สร้างแอปพลิเคชัน” โดยดึงเอาความสามารถของ Generative AI มาใช้ จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจาก AWS ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม นอกจากนี้สำหรับสายเทคยังมีห้องที่ให้ได้ฝึกฝนการเขียนโค้ดโดยใช้เครื่องมือ GitHub Copilot เครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การเขียนโค้ดง่ายขึ้นโดยทีมงานจาก Palo IT ที่มีภารกิจจำลองสถานการณ์จากองค์กรที่อาจเกิดขึ้นจริงมาให้ทำกันจริงๆด้วย
สำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้พื้นฐานการนำ AI มาใช้ประโยชน์ก็จะมีห้องเรียนในหัวข้อ Stable Diffusion 101: A Beginner’s Guide to Generative AI Image ที่จะมาสอนเทคนิคการใช้ Stable Diffusion หนึ่งในโปรแกรม Generative AI สร้างภาพที่ทรงพลังที่สุดในเวลานี้ให้ได้เข้าใจวิธีการใช้งานและการ Prompt ในรูปแบบต่างๆเพื่อให้สามารถนำไปใช้งานจริงได้
นอกจากนี้ยังมีห้องสำหรับสายครีเอทีฟ และธุรกิจก็ยังมีห้อง “Data-driven Ideation workshop for Business Leaders” ที่ทางทีม KX ที่นำไอเดียเทคโนโลยีไปสู่การ comercialize จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง Idea ของ Product จาก Data ที่มีด้วย Data Product Canvas ที่สามารถนำไปใช้จริงได้ในหลายๆ องค์กร เช่นเดียวกับห้อง “Gen AI for Marketers” ที่ทีมจาก Databricks มาแนะนำวิธีการใช้ Generative AI รูปแบบต่างๆมาใช้ในงานการตลาดที่สามารถช่วยงานนักการตลาดได้หลากหลายรูปแบบแล้วในเวลานี้
Innovation Products Exhibition เปิดโลกเทคโนโลยี AI
ในปีนี้ KBTG Techtopia มีโซน Showcase เทคโนโลยีทั้งจาก KBTG เองและจากพาร์ตเนอร์ที่เรียกว่าจัดได้อลังการงานสร้างขึ้นมากทำให้เราได้เห็นเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Generative AI ที่ทีม KBTG อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมไปถึงเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริงแล้วอย่างเช่นงานที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของ KBTG Labs เช่น
- PUFFIN ผู้ช่วย AI ที่สามารถแนะนำกลยุทธ์การลงทุนได้โดยมีแห่งข้อมูลจากข่าวธุรกิจและความรู้ด้านการเงินการลงทุน
- Finly แอปพลิเคชั่นผู้ช่วยที่จะเพิ่ม Financial Literacy ให้กับคนในวงกว้างสามารถเรียนรู้ข้อมูลผู้ใช้งาน ตั้งเป้าหมายทางการเงินรูปแบบต่างๆ เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น K PLUS สามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการทำภารกิจเหมือนกับการเล่นเกมด้วยปลายนิ้ว
- LUNA ที่เป็น Chatbot สำหรับใช้ในองค์กรที่สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- Virtual Patient+ ที่พัฒนาเพื่อให้นักศึกษาแพทย์เรียนรู้การสื่อสารกับผู้ป่วยในสถานการณ์จำลองที่มีการนำไปใช้จริงในการเรียนการสอนแล้ว
- Document OCR – เทคโนโลยีแกะตัวอักษร ที่เขียนด้วยลายมือให้กลายเป็นดิจิทัล
- VDO Analytic – AI วิเคราะห์วิดิโอยาวๆเพื่อจับคำพูด วิเคราะห์ S entiment ของคนในวิดีโอที่ KBTG ใช้จริงในองค์กร
ไม่เท่านั้นยังมีเทคโนโลยีที่ทาง KBTG ร่วมกันทำวิจัยร่วมกับ MIT Media Lab พัฒนาเทคโนโลยี AI ช่วยพัฒนาตัวเองที่เราอาจได้ยินกันมาก่อนหน้านี้มาจัดแสดงด้วยไม่ว่าจะเป็น Future You ที่ทำให้เราสามารถพูดคุยกับตัวเราเองในอนาคตได้ คู่คิด ที่ปรึกษา AI ที่สามารถให้คำปรึกษาและแนวคิดแบบสองมุมมอง รวมไปถึง FinLearn ห้องเรียนออนไลน์กับอาจารย์ AI ที่เราสามารถเลือกได้เองได้ รวมถึง Future Jobs ผู้ช่วย AI ที่จะมีมุมมองหลากหลายรูปแบบให้กับเราได้ เป็นต้น
อีกส่วนสำคัญก็คือเทคโนโลยีที่พัฒนาไปสู่ระดับที่สามารถนำออกมาใช้เชิงพาณิชย์ได้แล้วผ่าน KX ที่นำเทคโนโลยีที่พร้อมนำไปขับเคลื่อนธุรกิจรูปแบบต่างๆมาโชว์ให้ดูหลากหลายเทคโนโลยีด้วยกันไม่ว่าจะเป็น
AINU – เทคโนโลยียืนยันตัวตนที่ KBTG พัฒนาขึ้นมาสามารถทำงานได้รวดเร็ว ปลอดภัย และได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้ว เป็นเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับหน้าคนจริงๆ สแกนใบหน้า สแกนบัตรประชาชน สามารถนำไปใช้ในการยืนยันตัวตนสำหรับธุรกิจหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยด้านข้อมูลระดับสูง นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทแรกในเอเชียและเป็นบริษัทที่สามของโลกที่ผ่านการทดสอบ Face Liveness Detection จาก iBeta ระดับ 2 สำหรับโหมด passive และ active (ISO 30107-3)
Coral – เป็นแพลตฟอร์มของสะสมดิจิทัลที่ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และแฟนๆ ผ่าน NFT ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดให้กับธุรกิจสร้าง Engagement และรายได้เพิ่มเติมจากลูกค้าด้วยการสะสม NFT เช่นบริษัทไปรษณีย์ไทยที่เปิดขายสแตมป์แบบ NFT สำหรับนักสะสมในยุคดิจิทัล หรือจะเป็นร้านอาหารอย่าง Fishmonger ที่สามารถสะสม NFT รูปปลาไทยชนิดต่างๆได้ตามเมนูที่ไปกินในแต่ละครั้ง รวมไปถึงการ์ดนักฟุตบอล NFT ขอสโมสรการท่าเรือที่เป็นแรงจูงใจเพิ่มเติมให้กับคนที่เข้าไปรับชมที่สนามเท่านั้นเป็นต้น
Car AI – เทคโนโลยี AI ที่สามารถตรวจจับความเสียหายของรถยนต์ได้จากรูปภาพมุมต่างๆ ช่วยในธุรกิจประกันรถยนต์สามารถลดขั้นตอน ลดต้นทุน สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลุกค้าประกันในกรณีทีรถยนต์เกิดอุบัติเหตุหรือต้องการเคลมประกันได้ ด้วยเทคโนโลยี AI ที่รู้จักรถยนต์ทุกรุ่นในตลาด สามารถ “เห็น” ความเสียหายเช่นรอยบุบ รอยขูดขีด บนตัวรถยนต์รอบคันได้ว่ามีกี่จุด ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็อยู่ระหว่างการทดลองใช้กับบริษัทประกันอยู่จริงด้วยซึ่งก็คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวนำมาใช้จริงได้ในอีกไม่นานนี้
ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดบางส่วนของงาน KBTG Techtopia: A Blast From The Future เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาที่เรียกว่าเป็นงานเทคฯแห่งปีก็ว่าได้เพราะมีเนื้อหาทั้งจากคนในวงการเทคโนโลยีในแทบทุกอุตสาหกรรม เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญทั้งในประเทศไทยรวมไปถึงโลกเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นงานเดียวที่ตอบโจทย์ได้ทั้งคนที่กำลังเรียนในสายเทคโนโลยี คนทำงานในสายเทคโนโลยี รวมไปถึงองค์กรหรือบริษัทที่จะได้เรียนรู้เทรนด์ใหม่ๆ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่สามารถไปยกระดับธุรกิจให้เติบโตในอนาคตต่อไปได้อีกด้วย
#KBTG #KBTGTechtopia #KBTGTechtopia2024 #ABlastFromtheFuture