แชทยังไงให้ยอดขายโต! เจาะกลยุทธ์ 5 แบรนด์ไทยใช้โซลูชั่น Business Messaging จาก Meta เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาสู่กลุ่มเป้าหมายที่ใช่

  • 516
  •  
  •  
  •  
  •  

 

สำหรับแบรนด์ ร้านค้า รวมถึงนักการตลาดแล้ว Meta นับว่าเป็นแพลทฟอร์มที่ช่วยให้การทำการตลาดในยุคนี้ง่ายขึ้นอย่างมาก และในปัจจุบันเทคโนโลยีและฟีเจอร์ในแพลทฟอร์มต่างๆ ของ Meta ก็พัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางที่เรียกว่า Business Messaging ซึ่งรวมไปถึงการโฆษณาแบบ Click to Messenger (CTM) ที่ Meta พัฒนาให้ล้ำยิ่งขึ้นผ่านการพิสูจน์จากหลายธุรกิจในไทย ซึ่งในบทความนี้เราจะไปทำความรู้จักกับพัฒนาการเหล่านั้นรวมไปถึงอัพเดทเทคนิคการยิงโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวอย่าง 5 แบรนด์ไทยที่ใช้โซลูชั่นโฆษณาเหล่านี้จนประสบความสำเร็จและเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

 

Meta ใส่อะไรใหม่ใน Business Messaging

ในงาน Meta Business Messaging Summit 2024 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ Meta ออกมาอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆที่จะช่วยให้การทำการตลาดด้วยการแชท ในแพลทฟอร์ม Meta ทั้ง Facebook, Instagram และ Messenger ได้ง่ายขึ้นหลายอย่างด้วยกันซึ่งนอกจากจะมาอัพเดทเทคนิคการยิงโฆษณาในรูปแบบต่างๆ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดแล้วยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ มาเปิดตัวด้วยเช่น  Lead Center” ที่ช่วยให้บริการจัดการ Lead หรือคนที่ทักแชท เข้ามาได้ในที่เดียว สามารถจัดกลุ่มลูกค้าเป็น Stage ต่างๆ ที่แตกต่างกันได้เพื่อการส่งข้อความทางการตลาดที่ตรงลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นได้ตั้งแต่กลุ่มที่เริ่มพูดคุย ไปจนถึง ปิดการขาย

ไม่เท่านั้น Meta ยังพัฒนาระบบ Live Shopping ให้สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นไปอีกด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่นการ “ทำโฆษณาระหว่างไลฟ์” หรือ boosted live ads ได้แล้ว รวมไปถึงฟีเจอร์การไลฟ์ที่สามารถตั้งค่า Product Overlay โชว์รายละเอียดสินค้าระหว่างการไลฟ์ให้คนที่สนใจเข้าไปกดดูก่อนจะปิดการขายผ่านแชทส่วนตัว รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ที่ Meta จับมือกับ Shopee สามารถทำให้ลูกค้าที่เข้ามาผ่านแคมเปญ CTM โชว์แคตตาล็อกจาก Shopee ใน Messenger ขณะที่ลูกค้าเข้ามาแชทพูดคุย เพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้ให้มากขึ้นได้อีก

นอกจากนี้ Meta ยังยกระดับผลลัพธ์ในการยิงโฆษณาแบบ CTM ให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายให้ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นด้วย Purchase Optimization เป็นระบบที่เราสามารถสั่งให้แพลทฟอร์ม Meta ยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มที่มีโอกาสจะซื้อสินค้าได้มากขึ้น และไม่เท่านั้น Meta ยังรองรับ Conversions API สามารถเชื่อมต่อข้อมูลการซื้อของลูกค้าจากช่องทางอื่นๆ เช่นแอพพลิเคชั่น เว็บไซต์ รวมไปถึงข้อมูลออฟไลน์จากการซื้อขายหน้าร้านได้เพื่อให้การวัดผลแคมเปญและการปรับปรุงกลุ่มเป้าหมายทำได้แม่นยำได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

แน่นอนว่าเทคนิคการยิงโฆษณาและฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้มี Use Case ที่ Meta โชว์ให้ดูด้วยจากหลากหลายแบรนด์ซึ่งเราจะคัดมาให้ได้ดูกัน 5 แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้เทคนิคเหล่านี้ทั้งในแง่ของการลดต้นทุนต่อการซื้อ (CPP) ที่ลดต่ำลงรวมถึงได้ยอดออร์เดอร์ที่เพิ่มมากขึ้น

 

เชื่อม Conversion API กับการยิง CTM เพิ่มยอดขายได้ 

 

แบรนด์แรกที่จะมาพูดถึงก็คือ Dr.Jill แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณชื่อดังของประเทศไทยที่จับมือกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจของ Meta ทำการตลาดจนเพิ่มยอดขายได้เกือบ 4 เท่าตัว

Dr. Jill ใช้แพลทฟอร์ม Meta ทำแคมเปญโปรโมทสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่โดยใช้การยิงโฆษณาแบบ CTM เพื่อดึงให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้าสู่ Messenger เพื่อแชทและปิดการขายในที่สุด นอกจากนี้ Dr. Jill เลือกทำแคมเปญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย วิธีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจของ Meta ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายบริษัทเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจจากหลายๆ แพลทฟอร์มให้บริการจัดการปิดการขายได้ง่ายดายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงข้อมูลการซื้อจากแพลทฟอร์มอื่นๆ รวมถึงโลกออฟไลน์เข้ามาด้วยฟีเจอร์ Conversion API

Conversion API เป็นช่องทางที่ Meta เปิดให้ธุรกิจที่ยิงโฆษณากับแพลทฟอร์ม Meta เชื่อมโยงข้อมูลที่ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการจากช่องทางอื่นๆ เข้ามารวมกับข้อมูลการซื้อในแพลทฟอร์ม Meta เพื่อให้สามารถวัดผลโฆษณาได้อย่างแม่นยำมากขึ้นและนำมาเป็นข้อมูลให้ระบบ Machine Learning เรียนรู้และเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

บริการนี้บริษัท Zwiz.Ai หนึ่งพาร์ตเนอร์ธุรกิจของ Meta สามารถช่วยจัดการเชื่อมโยงข้อมูลการซื้อจากช่องทางอื่นๆ รวมไปถึงช่องทางออฟไลน์ของ Dr. Jill เข้ามาใช้ร่วมกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่แบบ CTM ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 3.7 เท่าตัว มีจำนวน Conversion เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า และมีรายได้ต่อการลงทุนโฆษณา (ROAS) เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบจากการโฆษณาแบบเดิมถึง 3.6 เท่าตัว

 

โฆษณา Reels ที่ถูกต้องตามองค์ประกอบดึงคนมาแชทเพิ่ม

 

อีกตัวอย่างมาจากแบรนด์ Adella Cosmetic แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการ Custom ชิ้นงานโฆษณาที่ส่งผลให้ยกระดับให้เกิด Conversion ให้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งในงาน Meta Business Messaging Summit 2024 ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจโดยเฉพาะการโฆษณาบน Reels ที่ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ วิดีโอแนวตั้งอัตราส่วน 9:16 เป็นคลิปวิดีโอเปิดเสียง และคอนเทนต์หลักต้องอยู่ใน Safe Zone ที่ไอคอนใน Reels ไม่บดบังส่วนสำคัญ

เดิม Adella Cosmetic ใช้การยิงโฆษณาโปรโมทไลฟ์ที่จบไปแล้วตามปกติ แต่เมื่อปรับเปลี่ยนวิธีนำคลิปวิดีโอขายสินค้า Live Selling นั้นมาสร้างเป็นชิ้นงานโฆษณาบน Reel แบบที่ถูกต้องตามองค์ประกอบพบว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแคมเปญโฆษณาแบบเดิมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนต่อการแสดงผลหนึ่งพันครั้งหรือ CPM ลดลงถึง 46% ยอด ThruPlay เพิ่มขึ้น 166% รวมถึง Conversion การส่งข้อความเพิ่มขึ้น 23% ซึ่งก็หมายถึงโอกาสที่จะเพิ่มยอดขายก็เพิ่มตามไปด้วยนั่นเอง

 

จัดสรรงบเพิ่มใน Instagram Direct อีก 20% เพิ่ม Conversion

 

อีกหนึ่งเทคนิคของการยิงโฆษณาโดยให้ความสำคัญกับ Placement ที่ Meta มาอัพเดทให้คนทำธุรกิจนำไปปรับใช้กันก็คือ Meta แนะนำให้สร้างแคมเปญโดยใช้ฟีเจอร์โฆษณาที่คลิกไปยัง Instagram Direct ด้วยโดยจัดสรรงบเพิ่มเติมจากแคมเปญปกติราว 20% โดยวิธีการนี้จะต้องเปลี่ยนโปรไฟล์ธุรกิจใน Instagram ให้เป็นโปรไฟล์ธุรกิจก่อนและเชื่อมต่อโปรไฟล์ธุรกิจบน Instagram กับกล่องข้อความใน Meta Business Suite เพื่อให้สามารถแชทรวมกันได้ในที่เดียวได้

วิธีการนี้มีตัวอย่าง Use Case จาก EMMA Clinic คลินิกเสริมความงามและศัลยกรรมตกต่างที่สร้างแคมเปญโปรโมทบริการเสริมจมูก โดยมีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 20% ให้กับ Instagram Direct เพิ่มเติมจากแคมเปญ CTM ปกติ ซึ่งผลปรากฏว่า ROAS เพิ่มขึ้นถึง 59% CPP ลดลง 32% และมูลค่า Conversion ต่อการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 91% ผลลัพธ์นี้เป็นตัวอย่างให้หลายๆธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาให้เพิ่มขึ้นได้ง่ายๆเพียงแค่เพิ่มงบในไปใน Instagram Direct เพียง 20% เท่านั้น

 

Yuedpao กับการทำ Lookalike Audiences เพิ่มยอดขาย

 

อีกวิธีที่คนทำธุรกิจบนแพลทฟอร์ม Meta สามารถเพิ่มประสิทธิพาดของการยิงโฆษณาแบบ CTM ได้ก็คือการใช้สัญญาณ (Signal) การซื้อรวมถึงสัญญาณจาก Lead ใน Lead Center มาใช้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพมากที่สุดและจะยิ่งดีมากขึ้นไปอีกเมื่อกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นมีโปรไฟล์หรือพฤติกรรมที่เหมือนกับคนที่เคยซื้อสินค้าของเราไปแล้ว สิ่งนี้ Meta สามารถทำให้ได้ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Custom Audiences และ Lookalike Audiences ที่สามารถตั้งค่าได้ โดย Custom Audience จะสามารถคัดลูกค้าคนที่เคยซื้อหรือให้ข้อมูลกับเราแล้วออกจากกลุ่มเป้าหมายได้ ในขณะที่ Lookalike Audience คือการคัดเฉพาะผู้คนที่คล้ายกับคนที่เคยซื้อสินค้าของเราไปแล้วให้เห็นโฆษณาของเรานั่นเอง

Use Case ที่ Meta ยกมาเป็นตัวอย่างก็คือ Yeudpao (ยืดเปล่า) ที่ต้องการเพิ่มยอดขายจากโฆษณา CTM ให้มากขึ้นโดยมีการทำ Lookalike Audiences จากสัญญาณการซื้อเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆที่มีโอกาสซื้อสินค้าของยืดเปล่าได้มากขึ้น ซึ่งผลจากการใช้วิธีการนี้พบว่า ROAS เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า CPP ลดลง 42% มูลค่ารวมสินค้าที่สั่งซื้อเพิ่มขึ้น 72% และจำนวนการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นถึง 69% ด้วย

 

Y8-Solanox เพิ่มงบแคมเปญ Purchase Optimization เพิ่มยอดสั่งซื้อ

 

ฟีเจอร์ที่เรียกว่าถูกใจคนทำธุรกิจบนแพลทฟอร์ม Meta มากที่สุดฟีเจอร์หนึ่งสำหรับการยิงโฆษณาแบบ CTM ก็คือ Purchase Optimization ที่จะช่วยดึงคนที่มีโอกาสซื้อสินค้าเข้ามาเห็นโฆษณาได้มากขึ้น ซึ่ง Meta เองก็มีเทคนิคที่ทดสอบมาแล้วได้ผลดีมาแนะนำให้ลองใช้กันนั่นก็คือการรันแคมเปญโฆษณาให้ยาวนานกว่า 14 วัน และเพิ่มงบประมาณ 30% จะให้ผลลัพธ์ในการโฆษณาทั้งในแง่ CPP ที่ลดลง 13% และ ยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 62% ด้วย

ซึ่งแบรนด์นวัตกรรมด้านความงามอย่าง Y8-Solanox ก็ใช้เทคนิคนี้เพิ่มเติมจากการยิงโฆษณาแบบ CTM ปกติและได้ผลลัทธ์ที่เห็นผลจริงไม่ว่าจะเป็นจำนวนการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเพิ่มงบประมาณ 30% ให้แคมเปญที่ใช้ Purchase Optimization นอกจากนี้ยังพบว่า ROAS เพิ่มขึ้น 1.7 เท่า และยังมีจำนวนข้อความใหม่เพิ่มขึ้นอีก 8% ด้วยเมื่อเทียบกับแคมเปญแบบปกติ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถนำไปใช้กันได้นั่นเอง

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างบางส่วนของฟีเจอร์ใหม่ๆ และเทคนิคเพิ่มเติมที่ Meta มาอัพเดทให้กับคนทำธุรกิจและนักการตลาดได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของตัวเอง ซึ่งแน่นอนกว่าไม่ได้จำกัดเฉพาะธุรกิจที่มีช่องทางการสื่อสารหรือช่องทางการขายอยู่บนแพลทฟอร์ม Meta เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจที่มีอยู่บนแพลทฟอร์มออนไลน์อื่นๆหรือแม้กระทั่งบนช่องทางออฟไลน์ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับแพลทฟอร์ม Meta เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ วัดผลและทำให้โฆษณาสามารถยิงตรงไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้นซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายสุดท้ายนั้นก็คือการที่ธุรกิจเติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง


  • 516
  •  
  •  
  •  
  •