นับตั้งแต่ช่วงต้นปีมานี้ เชนร้านเครื่องดื่มและอาหารรายใหญ่ “สตาร์บัคส์” (Starbucks) เจอมรสุมลูกใหญ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์และองค์กรมหาศาล นับตั้งแต่พนักงานร้านในฟิลาเดเฟีย โทรแจ้ง 911 เพื่อแจ้งความจับชายผิวสีในข้อหาบุกรุก เพราะมาขอเข้าห้องน้ำ และไม่สั่งเครื่องดื่มหรืออาหารใดๆ กลายเป็นชนวนเหตุสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนในวงกว้าง
ถึงกับทำให้ CEO ต้องออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ตามมาด้วยการออกนโยบาย Crisis Management อย่างเร่งด่วน ทั้งการปิดร้านครึ่งวัน เพื่ออบรมพนักงานกว่า 175,000 คนทุกสาขาในสหรัฐฯ และเปิดให้ลูกค้ามานั่งในร้าน และใช้ห้องน้ำได้ โดยไม่ต้องซื้ออาหาร-เครื่องดื่มก็ได้
ล่าสุด “สตาร์บัคส์” ที่สหรัฐอเมริกา เดินหน้าสร้าง “Social Engagement” หรือการสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันกับชุมชน-สังคม และ “Employee Engagement” เพราะในฐานะที่สตาร์บัคส์ วางตัวเองเป็น Third Place สำหรับสังคม โดยเริ่มทดลองใช้นโยบายการทำงานใหม่ ด้วยการอนุญาตให้พนักงาน ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของสัปดาห์การทำงาน ไปร่วมเป็นอาสาสมัครสร้างประโยชน์เพื่อสังคมกับ “Points of Light” ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสังคมที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยพนักงานที่เข้าร่วมโครงการนี้ ในระหว่างทำงานเพื่อสังคม ก็ยังคงได้รับค่าจ้าง และได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากสตาร์บัคส์
หลังเปิดโครงการนี้ มีพนักงานสตาร์บัคส์กว่า 200 คนสมัครเข้าร่วมแล้ว และในช่วงการนำร่องทดลองนโยบายการทำงานดังกล่าว จะคัดเลือก 36 คนที่ทำงานกับสตาร์บัคส์ใน 13 เมือง ซึ่งจะทำการคัดเลือกและเริ่มทำงานเพื่อสังคมในปี 2019 โดยพนักงานทั้ง 36 คน จะใช้เวลา 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการทำงานกับสตาร์บัคส์ และอีก 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำงานเพื่อสังคม
Virginia Tenpenny รองประธานฝ่าย Global Social Impact ของสตาร์บัคส์ และกรรมการบริหารมูลนิธิสตาร์บัคส์ (Starbucks Foundation) กล่าวถึงโปรแกรมการทำงานใหม่นี้ว่า หวังว่าโครงการนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้พนักงานมีความสุข ขณะเดียวกันทำให้พนักงานจากต่างสาขาได้มารู้จักกัน และพูดคุยกันถึงการสร้างประโยชน์เพื่อสังคมร่วมกัน และเมื่อพนักงานได้มีส่วนร่วมกับชุมชน-สังคม จะทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อมต่อกับชุมชน-สังคม และสตาร์บัคส์ ซึ่งจะทำให้พนักงานอยู่กับองค์กรในระยะยาว ขณะเดียวกันทำให้ลูกค้ารู้สึกดีในการซื้อสินค้าจากสตาร์บัคส์
นโยบายใหม่ดังกล่าว ตอกย้ำให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจให้ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน องค์กรต้องสร้าง Engagement ใน 4 ด้านสำคัญ คือ Customer Engagement – Partnership Engagement – Social Engagement – Employee Engagement
Related posts:
กางโรดแมป 2030 “Starbucks ประเทศไทย” ลุยเปิด 800 สาขา ขยาย “Community Store – Greener Store – Drive-Thru”
“Starbucks” ทรานส์ฟอร์มสู่ยุค Web 3.0 เตรียมเปิดตัว “NFTs” คอลเลคชั่นแรก “Coffee Art” สร้างชุมชนดิจิทัลที่ทุกคนเป็นเจ้าของ
เปิดใจ “แม่ทัพ Starbucks ประเทศไทย” กับแผน “Crisis Management” และ “กลยุทธ์สร้างการเติบโตใหม่”
5 เหตุผลทำไม “Starbucks” ต้องขาย “แก้ว-ของสะสม” ทั้งที่ทำรายได้จาก “เครื่องดื่ม-อาหาร” 7 แสนล้าน
เปิดเบื้องหลังดีไซน์ร้าน “Starbucks” ความสำเร็จแห่งการเป็น “Third Place” ที่คู่แข่งยากจะเลียนแบบ
