ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า “Starbucks” เชนร้านกาแฟระดับโลก โดยเมื่อปีที่แล้วประสบความสำเร็จกับการแนะนำเมนู “Cold Brew Coffee” หรือกาแฟที่ชงด้วยน้ำเย็น ที่ต้องพิถีพิถัน และใช้เวลา 20 ชั่วโมงในการสกัดน้ำกาแฟ ผลปรากฎว่าเป็นเมนูที่ช่วยผลักดันยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มเย็นของ Starbucks เติบโตขึ้น 20%
ล่าสุด Starbucks สหรัฐอเมริกา นำนวัตกรรมการชงแบบ “Nitro Cold Brew” เป็นกระบวนการชงกาแฟด้วยน้ำเย็น และอัดแก๊สไนโตรเจนด้วยเครื่อง Nitrogen Brew ทำให้ได้กาแฟรสชาติละมุน ฟองครีมบางๆ ละเอียดนุ่ม มีรสสัมผัสคล้ายกับการดื่มคราฟท์เบียร์ โดยเมนูใหม่นี้ มีให้บริการในช่วงหน้าร้อนนี้ เริ่มต้นแล้วที่ Starbucks Roastery and Tasting Room เมืองซีแอตเทิล จำหน่ายในราคา 3.95 เหรียญสหรัฐ ก่อนจะขยายไปยัง 500 สาขา ทั้งในซีแอตเทิล นิวยอร์ก ชิคาโก บอสตัน ลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก และ พอร์ตแลนด์
Howard Schultz, CEO Starbucks ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า “การชงแบบ Nitro Cold Brew ทำให้ได้กาแฟที่มีรสสัมผัสเกือบจะเหมือนกับ Guinness Beer ซึ่งการชงกาแฟด้วยวิธีนี้ ถือเป็นงานคราฟท์ โปรดักส์ ที่ไม่แตกต่างกับคราฟท์ เบียร์”
วัตถุประสงค์หลักที่ Starbucks แนะนำกาแฟที่ชงด้วยวิธี Cold Brew และ Nitro Cold Brew เพื่อมุ่งยกระดับแบรนด์ และประสบการณ์การดื่มกาแฟของลูกค้าให้มีความพิเศษมากไปกว่าการชงกาแฟด้วยวิธีแบบเดิมที่ทำกันมา ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างการเติบโตในกลุ่มเครื่องดื่ม Cold Coffee โดยคาดหวังว่ายอดขายเมนู Cold Coffee จะเติบโตเป็นสองเท่าใน 3 ปีข้างหน้า
อันที่จริงก่อนที่ Starbucks จะนำ Cold Brew และ Nitro Cold Brew มาให้บริการลูกค้านั้น ร้านที่เป็น Specialty Coffee Café ท้องถิ่น เริ่มนำมาใช้ก่อน เช่น ร้าน Stumptown Coffee Roasters ในพอร์ตแลนด์ ซึ่งนับวันแนวโน้มการชงกาแฟทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าว กำลังได้รับความนิยมอย่างมากตามเมืองใหญ่ของโลก เช่น หลายเมืองในอเมริกา, ออสเตรเลีย และในปัจจุบันเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วในเมืองไทย โดยส่วนมากเวลานี้ยังเป็นร้านประเภท Specialty Coffee Café ที่นำวิธีการชงรูปแบบดังกล่าวมาใช้ เพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับรสชาติ และรสสัมผัสของกาแฟอย่างเต็มที่
ความเคลื่อนไหวของ Starbucks ในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยุคนี้ แสวงหาประสบการณ์แปลกใหม่ และพิเศษอยู่เสมอ ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้นำเชนร้านกาแฟระดับโลก จึงต้องไม่หยุดที่จะสรรหาสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ๆ มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
source Starbucks, usatoday, cnn