ฟุตบอลโลก ถือเป็น Sport Marketing ที่มีฐานแฟนใหญ่ที่สุด ซึ่งในภาคธุรกิจเองก็คาดหวังจะได้รับอานิสงค์ในเรื่องเม็ดเงินที่สะพัด โดยการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินจะมีผู้รับชมในไทยราว10.96 ล้านคน และมีเงินสะพัดทางธุรกิจกว่า 6 พันล้านบาท
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กำลังจะเปิดฉากในวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค.2561 ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการถ่ายทอดสดน่าจะมีผู้รับชมในไทยประมาณ 10.96 ล้านคน คึกคักกว่าครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีดิจิทัลทั้ง 64 นัด , ช่วงระยะเวลาของการแข่งขันไม่ดึก เอื้อต่อการรับชมของคนไทย และทีมที่เข้าแข่งขันในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายล้วนมีฐานแฟนบอลเป็นคนไทยจำนวนมาก
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่น่าจะได้รับผลบวกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เห็นได้จากผู้ประกอบการธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มได้เริ่มทยอยทำแคมเปญการตลาดส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรร้านค้าต่างๆ ผ่านการโฆษณา ที่มีเรื่องราว (Theme) เกี่ยวเนื่องกับฟุตบอล เพื่อกระตุ้นยอดขายในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
โดยคาดว่า จะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเป็นมูลค่าประมาณ 5,265 ล้านบาท แบ่งเป็น ‘กลุ่มอาหาร’ เช่น ร้านค้าที่มีบริการจัดส่งอาหาร ร้านค้าทั่วไป ตลอดจนอาหารปรุงสำเร็จ อาหารสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ เป็นต้น ประมาณ 3,015 ล้านบาท ถัดมา ‘กลุ่มเครื่องดื่ม’ ทั้งมีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ 2,250 ล้านบาท
ขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าที่เกี่ยวกับการชมฟุตบอลโลก เช่น อุปกรณ์กีฬา, รองเท้าฟุตบอล, เสื้อฟุตบอลทีมโปรด ตลอดจนของที่ระลึกสำหรับฟุตบอลโลก 2018 คาดว่า จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 910 ล้านบาท และการส่งชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกช่องทางดั้งเดิม เช่น ไปรษณียบัตร, สื่อสิ่งพิมพ์ และฉลากสินค้ายังคงได้รับความนิยม แต่ช่องทางการทายผลฟุตบอลในยุคดิจิทัลก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน เช่น ทายผลผ่าน Facebook หรือผ่านระบบ QR Code คาดว่า จะมีการใช้จ่ายมูลค่าประมาณ 510 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของการใช้จ่ายยังขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเกมการแข่งขันในรอบถัดๆ ไป ซึ่งในกรณีทีมที่มีฐานแฟนบอลในไทยสูงได้เข้ารอบถัดๆ ไป อาจจะส่งผลให้กิจกรรมการใช้จ่ายมีความคึกคักเพิ่มมากขึ้น