กำลังจะก้าวสู่ปีที่ 3 แล้ว สำหรับ ‘SOUR Bangkok’ เอเจนซี่ที่ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า เป็นเอเจนซี่สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการสร้างสรรค์งาน และการกระโดดไปทำงานนอกกรอบการเป็นเอเจนซี่ กับการสวมบทบาท Creator ของ ‘เด็กใหม่ เดอะ ซีรีส์’ ที่ต้องบอกว่า กระแสเปรี้ยงเลยทีเดียว
ทาง Marketing oops จึงชวน 2 ผู้ก่อตั้ง ‘คุณเล็ก-ดมิสาฐ์ องค์ศิริวัฒนา’Co-founder and Executive Creative Director และ ‘คุณบี-พิมพ์มาศ ลีนุตพงษ์’ Co-founder and Managing Director แห่ง SOUR Bangkok (บริษัท เซาเออร์ บางกอก) มานั่งคุยกันแบบ exclusive ในหลายประเด็น พร้อมมาอัพเดทความเคลื่อนไหวของแวดวงเอเจนซี่ในมุมองของทั้งสองด้วย
“ลูกค้าเยอะมาก จนไม่รู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี หรือวงการโฆษณาอยู่ในช่วงยากลำบาก อาจเป็นเพราะเรามีโพซิชั่นชัดเจน คือ เป็นเอเจนซี่ที่เจาะผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ลูกค้ามองหา specialist ง่าย ๆ ใครอยากเข้าถึงลูกค้าผู้หญิงต้องมาหาเรา” คุณเล็ก เริ่มต้นอัพเดทถึงภาพรวมของ SOUR Bangkok ให้เราฟัง
ขณะที่ คุณบี บอกว่า “ช่วงปีแรก ๆ คนอาจงงอยู่ว่า เราคืออะไร แต่ตอนนี้ลูกค้าเข้าใจแล้ว เราเองเคยถามลูกค้าว่า รู้จักเราจากที่ไหนถึงสนใจ คำตอบคือ รู้จักจากผลงาน และการเป็น specialist ที่มีจุดยืนชัดเจน ทำให้เราพอใจกับ 2 ปีที่ผ่านมามาก ทั้งในเชิงรางวัลที่ได้รับ และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาตลอด เรียกได้ว่า หัวกะไดไม่แห้ง”
Stand for women จุดยืนที่ไม่เปลี่ยน
คุณบี – ปีนี้เรากำลังจะก้าวสู่ปีที่ 3 เรายังคงย้ำจุดยืนเดิม คือ เป็นเอเจนซี่ที่ชำนาญและเชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิง ซึ่งในปีที่ 3 เรามีแผนจะพัฒนาดาต้าและเครื่องมือที่จะหาข้อมูลเชิงลึกเป็นของตัวเอง โดยตอนนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับพาร์ทเนอร์อยู่ เหตุผลที่ต้องการมีดาต้าและเครื่องมือในการเจาะลึกของตัวเอง เพราะเราต้องการช่วยให้ลูกค้ารู้ insight ของผู้หญิงจริง ๆ ดังนั้นสิ่งที่เราจะพัฒนามาจะเน้นในเชิงวิเคราะห์ ส่วนงานของเราจะยังคงคาแรคเตอร์ตามความของ Sour คือ ทั้งเปรี้ยวและแซ่บกว่าเดิม
นอกจากนี้มีแผนจะเพิ่มทีมภายในปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถรับลูกค้าได้มากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาต้องปฏิเสธลูกค้าไปหลายราย เพราะคนไม่พอ
คุณเล็ก– จุดยืนของเราตั้งแต่วันแรก และพยายามสร้างต่อไป คือ SOUR Bangkok จะเป็นอะไรที่ Stand for women วิธีการทำงานของเรา จะต่างจากเอเจนซี่ใหญ่ที่เอาแบรนด์เป็นที่ตั้ง แต่เราจะโฟกัสและเอากลุ่มเป้าหมายเป็นที่ตั้ง แล้วจะทำอะไรรอบ ๆ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น คอมมูนิเคชั่น , โปรดักท์ ดีไซน์ , เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ , แฟชั่น เราทำอะไรก็ได้รอบ ๆ ความสนใจของผู้หญิง
ลูกค้าตอนนี้มีหลายราย อาทิ คิวท์เพรส , แสงโสม ,GMM GRAMMY ที่จับมือกันทำซีรีส์ ‘เด็กใหม่’ ด้วยกัน และมีลูกค้าอื่น ๆ อาทิ เครื่องสำอางที่กำลังจะเปิดตัว , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่กำลังจะเริ่มทำโปรเจ็คกันต่อ และมีบริษัทอสังหาฯที่ต้องการเจาะกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ
จากเอเจนซี่โฆษณากระโดดไปทำซีรีส์ ‘เด็กใหม่’
คุณเล็ก – หลายคนถามเยอะมากว่า เราเป็นเอเจนซี่มาทำซีรีส์ทำไม เพราะมันนอกกรอบการทำงานของเอเจนซี่มาก อย่างที่บอกหลักคิดและการทำงานของเรา คือ ทำอะไรก็ได้รอบ ๆ ความสนใจของผู้หญิง ไม่จำกัดรูปแบบ
อย่างการจับมือกับGMM GRAMMY ทำเด็กใหม่ซีรีส์แนว Mysterious-fantasy หรือแนวลึกลับแฟนตาซี มีความยาว 13 ตอน เราวางชัดเจนว่า เป็นซีรีส์สำหรับผู้หญิงเพื่อผู้หญิง และสิทธิสตรี ตามจุดยืนของเรา ขณะที่ทาง GMM GRAMMY มีโจทย์ต้องการเจาะกลุ่มนี้เหมือนกัน ถึงเป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้น ซึ่งผลตอบรับถือว่าดีมาก
ในอนาคตเราอาจมีอะไรใหม่ ๆ ออกมาอีก อย่างตอนนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับบริษัทผลิตซีรีส์ยักษ์ใหญ่จากเกาหลี ที่อาจจะเห็นความร่วมมือในการผลิตซีรีส์ร่วมกัน
ตอนนี้เอเจนซี่ใหญ่ขยับตัวมากขึ้น เรากังวลกับการแข่งขันหรือไม่
คุณบี – การแข่งขันเป็นเรื่องปกติในทุกวงการการที่เราเป็นเอเจนซี่เล็ก ทำให้การทำงานเราคล่องตัว ทำงานได้สนุกเป็นอิสระ เรียกว่า กบฏนิด ๆ และการที่เราวางจุดยืนชัดเจน ยิ่งทำให้ลูกค้าเห็นความต่างจากเอเจนซี่อื่นชัดเจน อย่างที่บอกลูกค้ามาหาเราตลอด จนเราต้องปฏิเสธไปหลายรายและงานเราได้รับรางวัล ทำให้เราคิดว่า เรามาถูกทางแล้ว
คุณเล็ก– ช่วงที่ผ่านมาเอเยนซี่ใหญ่มีการขยับมากขึ้น ขณะที่เอเจนซี่อิสระที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะก็เกิดมากขึ้นด้วยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่เฉพาะกลุ่มผู้หญิง มีหลายด้านทั้งดิจิทัล ทั้งด้าน storytelling เป็นต้น เพราะลูกค้ามองหา specialist อีกอย่างมาจากปัจจุบันมี SME เกิดขึ้นเยอะ ซึ่งเวลาทำงานเขาอยากได้อะไรที่คุยกับเจ้าของโดยตรงแล้วจบ ทำให้การตัดสินใจได้ง่ายและ move on ได้เร็ว ไม่ต้องผ่านหลายเลเยอร์เหมือนการทำงานกับเอเจนซี่ใหญ่ ๆ ที่วิธีการทำงานจะมีระบบและกรอบของตัวเอง
ส่วนราคามีผลต่อการเลือกใช้หรือไม่ เราไม่ถูกนะ(หัวเราะ) จริง ๆ ราคาไม่มีผล หากลูกค้าชอบและเห็นศักยภาพของงาน สามารถใช้งบได้คุ้มค่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และจริง ๆ การแข่งขันเกิดขึ้นพร้อมกับความร่วมมือ ที่เห็นการเปลี่ยนแปลง คือ แม้เอเจนซี่เล็ก ๆ จะเกิดขึ้นมาก แต่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน กลับเป็นพาร์ทเนอร์กัน เช่น CJWORK มีโปรเจ็คของเอพี(ไทยแลนด์) ก็ให้บริษัท STORYTELLER ดู branding และดึงพาร์ทเนอร์อื่น ๆ ที่มีความชำนาญแต่ละด้านมาร่วมทำโปรเจ็ค
ผลกระทบจาก Digital Disruption
คุณบี– พวกเทคโนโลยีส่วนใหญ่ช่วยเรื่องดาต้า อย่าง AI ก็ช่วยเรื่องดาต้า แต่โจทย์ทุกโจทย์ต้องอาศัย creativity ในการคิด วิเคราะห์ และสร้างสรรค์ ซึ่งสุดท้ายต้องใช้คน และตอนนี้ลูกค้ายังใช้เอเจนซี่อยู่ เพราะเขาเชื่อว่า เราจะคิด Business Solution ให้ได้ และตามธรรมชาติคนเอเจนซี่จะมีความคิดครีเอทีฟอยู่แล้ว เพียงหยิบเทคโนโลยีมาช่วยให้ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คุณเล็ก– เคสนี้เคยพูดให้น้อง ๆ ในออฟฟิคฟัง คือ AI ในไทยกับต่างประเทศยังเทียบกันไม่ได้ ไทยยังอยู่ในช่วงเรียนรู้ และยังไม่เห็นเคสไหนที่ทำออกมาแล้วเป็นรูปธรรมในเรื่องเทคโนโลยี ในทางกลับกันถ้าเทคโนโลยีดีจริง คำถามคือ จะใช้ให้เป็นไอเดียได้อย่างไร ยังต้องใช้ creativity อยู่ดี ดังนั้นคนต้องเท่าทันเทคโนโลยี ต้องเข้าใจและเอามาใช้ให้ถูก
การรุกคืบเข้ามาของ Tec Company ในธุรกิจโฆษณา
คุณบี – ส่วนตัวมองเป็นเรื่องที่จับตา แต่อย่ากังวลหรือกลัว ถ้าคุณสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีจุดแข็งของตัวเอง สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี แล้วนำมาประยุกต์ใช้เสริมการ creativity ต่าง ๆ ให้ได้
คุณเล็ก – จริง ๆ เรื่องนี้มีกระแสมา 2 ปีแล้ว คือ พวก Tec Company ดึงตัวคนจากเอเจนซี่เข้าไปเยอะมาก เพื่อเปิดแผนกของตัวเองมาแข่งกับเอเจนซี่ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรที่ชัดเจน ยังเป็นช่วงจับตามองอยู่
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า ลูกค้าเริ่มทำงานกับพวก Tec Company โดยตรงไม่ผ่านเอเจนซี่ อย่างเคสของอเมซอนที่พยายามทำอยู่ เราต้องถามกลับว่า ทำไมลูกค้าไม่ใช้เอเจนซี่ อาจเพราะทำงานไม่เวิร์ค ไม่ตอบโจทย์หรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ใช้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คือ เราต้องกลับมาถามตัวเองมากกว่าว่า เราทำงานตอบโจทย์ได้ดี มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับเงินที่ลูกค้าหรือไม่
เอเจนซี่จะอยู่รอดต่อไปได้อย่างไร
คุณเล็ก– เอเจนซี่ต้องเริ่มซีเรียสแล้วว่า จะต้องหาความเชี่ยวชาญของตัวเองไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดไหน จะใหญ่หรือเล็ก เนื่องจากงานสมัยใหม่ ‘แบรนด์’ ไม่ได้เป็นที่ตั้งอีกต่อไป แต่กลายเป็น‘คอนซูเมอร์’ มันเปลี่ยนมาได้ 3-4 ปีแล้ว หมายความว่า เราจะแมทช์กลุ่มเป้าหมายกับความเชี่ยวชาญของเราได้อย่างไร เพื่อให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ เพราะตอนนี้งานโฆษณาเกินคำว่า ไวรัลหรืออะไรเดิม ๆ แล้ว ตอนนี้ต้องสร้างฟอร์แมทใหม่ ๆ ในแก้ปัญหาหรือตอบโจทยที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งการทำได้ ต้องกลับมาที่ตัวเองเชี่ยวชาญอะไร แล้วกระจายรอบ ๆ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร เป็นสิ่งที่เอเจนซี่ต้องขยับ
ที่แน่ ๆ คือ ไม่ได้แข่งกับรายอื่น อย่างเราเอง จับมือกับ GMM GRAMMY ทำซีรีส์ สำหรับผู้หญิง เพราะมีจุดหมายเดียวกัน คือ GMM GRAMMYต้องการจับกลุ่มผู้หญิง เรามีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ดังนั้นสิ่งที่เอเจนซี่ต้องเดินไป คือ ทำอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมานำเสนอ สร้างธุรกิจหรือแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อสร้างไอเดียไปแก้ปัญหาและตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการบางรายอาจถึงขั้นพัฒนาโปรดักท์ให้ลูกค้า
คุณบี– เรามองเป็นความท้าทายที่น่าจับตามอง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราต้องกลัว เพราะเชื่อในสิ่งที่ทำและทิศทางของตัวเองว่า มาถูกทางแล้ว เห็นได้จากจำนวนลูกค้า การปากต่อปาก และรางวัลที่ได้รับ
สำหรับ SOUR Bangkok เอง ทั้งคุณเล็กและคุณบี ย้ำว่า ยังคงเดินด้วยจุดยืนเดิม คือ ‘เอเจนซี่ที่ชำนาญและเชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิง’ ที่แนวคิดและหลักการทำงานจะไม่ยึดติดกับกรอบเดิม ๆ ซึ่งจากนี้เราจะเห็น SOUR Bangkok เป็นผู้หญิงที่ทั้งเปรี้ยวและแซ่บกว่าเดิมแน่นอน
Copyright© MarketingOops.com