ถ้าจะพูดถึงแบรนด์ที่อยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นต้องยกให้ “ตรางู” ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมายาวนานกว่า 130 ปี กับผลิตภัณฑ์แป้งเย็นที่สร้างความเย็นให้กับชาวไทย ตลอดระยะเวลาตรางูมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกลิ่นใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สอดรับเข้ากับทุกยุคสมัย โดยยังคงผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมผ่านข้ามกาลเวลา
แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกลุ่มเป้าหมายหลักของตรางูก็พัฒนาเข้าสู่ Aging ตรางูจึงต้องปรับตัวเพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ โดยยังคง Signature ของตรางูคือความเย็นและกลิ่นที่มาจากส่วนผสมของสมุนไพร ซึ่ง คุณอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ชี้ว่า ปัจจุบันมีสมุมนไพรที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของตรางู โดยที่ยังคงความเย็นเอกลักษณ์ของตรางู
ครั้งแรกของตรางูสู่ผลิตภัณฑ์ CBD
โดยคุณอนุรุธชี้ว่า จากผลการสำรวจ (ข้อมูลจาก Cigna Well Being Survey 2019) พบว่า ปัจจุบันคนไทยมีความเครียดสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก จาก 23 ประเทศที่ทำการสำรวจ ซึ่งคนไทยถึง 91% ยอมรับว่าตัวเองมีความเครียดสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 84% และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน อายุระหว่าง 25-45 ปี หรือที่เรียกว่ากลุ่มแซนด์วิชเจเนอเรชั่น และยังเป็นกลุ่มที่พยายามหาวิธีคลายเครียดที่ให้ผลดีที่สุด
และครั้งนี้ยังได้พันธมิตรอย่าง ซาลัส ไบโอซูติคอล ผู้นำธุรกิจสารสกัด CBD ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการวิจัยของ ซาลัส พบว่า สารสกัด CBD ที่ได้จากกัญชงมัส่วนช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ โดยสารสกัด CBD จะถูกนำมาใช้ครั้งแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค (Snake Brand HerbaCeutic)”
โดยมีการเปิดตัวถึง 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้ง สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ซีบีดี คาล์มมิ่ง โลชั่น (Snake Brand HerbaCeutic CBD Calming Lotion) ที่มาพร้อมกันถึง 3 กลิ่น ทั้งกลิ่นยูคาลิปตัส กลิ่นเปปเปอร์มินต์ กลิ่นลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทาและสูดดม ด้วยสารสกัด Premium CBD เสริมด้วยกลิ่นอโรม่า
และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์คือ สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ซีบีดี มอยส์เจอไรซิ่ง แอนด์ โพรเทคชั่น ยูวี ไบรท์เทนนิ่ง บอดี้เซรั่ม (Snake Brand HerbaCeutic CBD Moisturizing & Protection UV Brightening Body Serum) เซรั่มบำรุงผิว ผสมสารสกัดจากกัญชง ด้วยคุณสมบัติระดับนาโนจากเทคโนโลยีพิเศษ ซีบีดี ไฮยา นาโนเจล ผสานเซราไมด์เสริมเกาะป้องกันผิวให้แข็งแรง ล็อคความชุ่มชื้นให้ผิวยาวนาน 24 ชม. และคุณค่าวิตามิน x3 (C, E, B3) ผสาน UVA UVB Filter ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ให้ผิวแลดูสว่างกระจ่างใส เนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง สุขภาพดี
ชูจุดขายความเย็นและพรีเมียม CBD
สำหรับ สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นส่วนผสมหลักเป็นสมุนไพร ซึ่งคุณอนุรุธมองว่า สมุนไพรที่กำลังเป็นที่จับตามองและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ที่สำคัญยังมีผลวิจัยรองรับแล้วว่ามีสรรพคุณช่วยคลายความเครียดได้ อย่างสารสกัด CBD ที่มีอยู่พืชตระกูลกัญชง โดยเฉพาะสารสกัดที่มีความเข้มข้นจะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดสะสมที่มีอยู่อย่างได้ผล
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มูลค่าตลาดกัญชงในไทยปี 2565 อยู่ที่ราว 7,200 ล้านบาท โดยอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2568 นักวิเคราะห์จากสหรัฐฯ มองว่า ตลาดกัญชงไทยน่าจะอยู่ที่ราว 4 หมื่นล้านบาท และหากรวมทั้งอาเซียน คาดมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาทในปี 2568 โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ติด 1 ใน 5 อันดับความนิยม และจัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมกัญชงในไทย
ความร่วมมือกับ ซาลัส จะช่วยให้ตรางูได้สารสกัด CBD ระดับเกรดพรีเมียม มาตรฐานเกรดทางการแพทย์ เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ โดยความร่วมมือยังครอบคลุมคุณภาพทั้งในเรื่องของ การปลูก ที่มีการปลูกในระบบปิดแบบโรงเรือน (Green House) เพื่อควบคุมสภาวะการปลูกให้เป็นไปตามที่กำหนด จนได้วัตถุดิบที่มีสารสำคัญ เข้มข้นบริสุทธิ์ 99.99%
การสกัด (Supercritical Ethanol Extraction) ด้วยการใช้อุณหภูมิและความดันที่เหมาะสม ซึ่งเป็นวิธีการสกัดที่มีประสิทธิภาพ การรับรองการผลิต ภายใต้มาตรฐานจากประเทศแคนาดาที่มีความเชี่ยวชาญด้านสาร CBD และมาตรฐานในประเทศไทย ภายใต้การรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นอกจากนี้การนำสารสกัด CBD เกรดพรีเมียมมาผสมกับกลิ่นอโรม่า และความเย็นสูตรลับเฉพาะของตรางู จะช่วยมอบความผ่อนคลาย บรรเทาความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดแข็งคือจุดอ่อน เล็งตลาดออนไลน์
ด้านคุณอนุรุธยังชี้ว่า การเป็นแบรนด์ที่มีอายุ 130 ปีแล้วยังคงสามารถอยู่ในตลาดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องทั้งตัวผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นใหม่ๆ ที่ยังคงความเป็นสมุนไพร หรือการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ อาทิ จากแป้งมาเป็นโลชั่น จากการทามาเป็นสเปรย์แบบพ่น ซึ่งสินค้าที่เกี่ยวกับความเย็นยังคงสามารถไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ที่สำคัญสินค้าความเย็นยังสามารถพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ
สิ่งที่ตรางูเป็นที่คุ้นเคยกับตลาดคือแป้ง ปัจจุบันเริ่มมีโลชั่นเข้ามาเสริมตลาด แต่จริงๆ ตรางูสามารถพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่าง แชมพูตรางู ซึ่งในอดีตเคยทำมาแล้ว แต่เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ขณะที่ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มก็สามารถทำได้ โดยในตลาดน้ำดื่มก็มีบางแบรนด์ที่ใช้ความเย็นเป็นจุดขาย แต่ก็ต้องมาพิจารณาว่าผู้บริโภคจะยอมทานเครื่องดื่มที่ช่วยให้เย็นโดยมีส่วนผสมที่ทานได้มาจากตรางูหรือไม่ ส่วนหนึ่งเพราะจุดแข็งของตรางูกลายเป็น Perception Brand
นอกจากนี้ปัจจุบันตรางูยังเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างรายได้จากช่องทาง Traditional เป็นหลัก ขณะที่ช่องทางออนไลน์ทั้งร้านค้า Official ใน e-Marketplace และใน LINE OA ยังสร้างรายได้น้อยมาก แต่คุณอนุรุธก็มองว่าช่องทางออนไลน์คืออนาคต นั่นจึงทำให้ตรางูเตรียมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ที่จะเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมไปถึงการตลาดรูปแบบใหม่ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้
สินค้าใหม่บนตลาดเดิม-สินค้าเดิมในตลาดใหม่
ตลาดต่างประเทศเป็นเป้าหมายที่สำคัญในอนาคต โดยเฉพาะภูมิภาค SEA ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองร้อนและผลิตภัณฑ์ตรางูเป็นที่ต้องการอย่างในกลุ่มประเทศ CLMMVS และอินโดนีเซีย โดยมีการนำสินค้าเข้าไปขายบ้างแล้วแต่ยังไม่มีแผนที่จริงจัง ในขณะที่ฟิลิปินส์จะเป็นการรุกตลาดนำร่องอย่างจริงจังผ่าน Distributor ในประเทศ ส่วนจีนโดยเฉพาะทางตอนใต้ที่มีอากาศร้อนและอินเดียก็เป็นเป้าหมายสำคัญในอนาคต โดยที่มีทวีปอาฟริกาเป็นเป้าหมายระยะยาว
คุณอนุรุธมองอนาคตว่า คงถึงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างการนำสินค้าเดิมไปสู่ตลาดใหม่ หรือการพัฒนาสินค้าใหม่ไปสู่ตลาดเดิม สำหรับประเทศไทยแล้วจะยังคงเห็นผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมคือแป้งเย็นตรางูกระป๋องเหล็กไว้ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มี Loyalty สูงและส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Aging ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่
นั่นจึงทำให้กระบวนการทำงานต้องเปลี่ยน Mind Set ใหม่เพื่อให้เข้ากับโลกปัจจุบันและเข้ากับความต้องการของคนรุ่นใหม่ ขณะที่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่ม สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค จะช่วยให้ตรางูเข้าใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ภายในปี 2566 ไว้ที่ 200 ล้านบาท สำหรับการตัดสินใจ