“วิกฤติก่อให้เกิดโอกาส” แนวคิดดังกล่าวเห็นได้ชัดในช่วงที่โลกเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพ โดยจีนเป็นประเทศแรกๆ ที่ต้องเผชิญความรุนแรงของการแพร่ระบาด จนต้องมีการออกมามาตรการกักตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งการต้องอยู่แต่ในบ้านเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้หลายคนมีความต้องการในการใช้ชีวิตแบบปกติจำนวนมาก โดยเฉพาะการออกกำลังกาย
อุปกรณ์เทคโนโลยีที่เรียกว่า Wearable จึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในการช่วยให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะต้องกักตัวอยู่ในบ้านเป็นระยะเวลานาน ซึ่งนอกจากจะใช้ในการวัดค่าการออกกำลังกายแล้ว ยังมีส่วนในการช่วยดูแลสุขภาพได้อีกด้วย เช่น จังหวะการเต้นของหัวใจ ระบบการหายใจระหว่างนอนหลับ เป็นต้น
โดยในปีที่ผ่านมา อุปกรณ์ Wearable จำนวนมากถึง 99.2 ล้านเครื่องถูกส่งไปยังตลาดท้องถิ่นทั่วประเทศจีนเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบปีต่อปี อีกทั้งอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี AI อย่างอุปกรณ์ผู้ช่วยเสมือนที่บ้านที่ควบคุมด้วยคำสั่งเสียงอย่างเช่น Google Home, Alexa เป็นต้น และสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความต้องการเชื่อมต่อของระบบกับอุปกรณ์ Wearable เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนอย่าง Xiaomi Corp. และ Huawei Technologies มีแผนในการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลให้ตลาด Wearable ขยายตลาดเข้าสู่การเป็นสินค้าตลาดแมส จากเดิมที่เคยเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มผู้รักสุขภาพและการออกกำลังกายเท่านั้น จากรายงานของ Gizmo-China พบว่า Mi Band 4 มียอดขายที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และยังพบว่า Smart Band กลายเป็นอุปกรณ์อันดับ 1 ที่มีติดตามบนแพลตฟอร์ม Amazon ของญี่ปุ่นด้วย
นี่ช่วยชี้ให้เห็นว่า เทรนด์ของคนจีนเป็นเช่นไรเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถรับมือได้ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของชาวจีน รวมไปถึงการหาช่องทางในการเข้าถึงเฉพาะตัวบุคคลของชาวจีน
Source: China Daily