ความกังวลในภาวะการแข่งขัน ในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่อาจจะส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อลดลง ขณะที่ภาวะซัพพลายของอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมในบางพื้นที่ยังคงมีอยู่ เป็นสิ่งที่แบงก์ชาติหรือธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด
โดยอาจจะมีมาตรการใหม่ๆ ชะลอการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพื่อลดอัตราเสี่ยง ท่ามกลางสัญญาณอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น
รายงานจากควอลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย บ่งชี้ว่า ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะมีแผนลงทุนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประกาศออกมา โดยเฉพาะคอนโดอาจจะมีซัพพลายสูงสุดในรอบ 10 ปีหรือประมาณกว่า 6.2 หมื่นยูนิต
โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีโครงการใหม่ราวกว่า 2.3 หมื่นยูนิต หรือไม่ต่ำกว่า 102 โครงการ ทั้งบ้านพักอาศัย 7.5 พันยูนิต 70 โครงการ รวมมูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท คอนโด 1.6 หมื่นยูนิต 32 โครงการรวมมูลค่า 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการเปิดใหม่ของผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ในส่วนของแสนสิริ (SIRI) มีการปรับเป้าหยอดขายในไตรมาสสุดท้าย 2561 เป็น 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป้าหมายยอดขายใหม่ ที่มีการปรับเพิ่มนี้ คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงขึ้นจากปีก่อน 30% โดยโครงการทาวน์เฮาส์เติบโตเกือบ 90% ตามแผนนี้จะเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปีเป็น 29 โครงการ มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท และจะเป็นปีแห่งที่สุดในทุกด้านของแสนสิริ #SansiriBestYearEver
แสนสิริเดินเกมเขย่าวงการ
คุณวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า แสนสิริมีการปรับเป้าหมายยอดขายปี 2561 จาก 4.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท จากยอดขายรอบ 9 เดือน พุ่งเป็น 4.15 หมื่นล้านบาท หรือ 92% จากเป้ายอดขายเดิม 4.5 หมื่นล้านบาท
แบ่งเป็นยอดขายคอนโด 2.6 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยว 1.3 หมื่นล้านบาท รวมทั้งทาวน์เฮ้าส์ 2.5 พันล้านบาท ความคึกคักนี้ทำให้แสนสิริมองเห็นการเติบโตจากโครงการต่างๆ ของแสนสิริ มีการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮาส์โตขึ้นถึง 90% คอนโด 81% และบ้านเดี่ยวเติบโต 45% ทั้งตลาดในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ
นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าแสนสิริ ยังมีการตอบรับการโอนที่ดีและต่อเนื่อง แสนสิริมีลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเงินสด จึงไม่กังวลกับภาพรวมเรื่องสินเชื่ออสังหาฯ ซึ่งการปรับเป้าหมายยอดขายรายการใหมท่ 5 หมื่นล้านบาท ถือเป็นอัตราที่เติบโตสูงกว่าปีก่อนถึง 30%
ตลาดระดับบนเติบโตทุกโปรดักส์
ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาแสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดที่อยู่อาศัยทุกประเภท ทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ “สิริ เพลส” ที่ถือเป็น Best in Class ของค่ายแสนสิริ เพื่อคนรุ่นใหม่ ความโดดเด่นของคอนเซ็ปต์ คือ ขยายทุกความชอบให้เป็นไปได้ จึงมีแผนเปิดเฟส 2 อีกโครงการใหม่ คือ สิริ เพลส ราชพฤกษ์-345 สิริ เพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า
นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมนี้ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากโครงการคอนโดภายใต้แนวคิดใหม่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ XT Condominium #SansiriXT รองรับการเติบโตกลุ่มมิลเลียนเนียล ฉีกกฎด้วยแนวคิด Extend Your Style เปิดตัวพร้อมกันถึง 3 โครงการในทำเล Central Millennial District ทั้งเอกมัย ห้วยขวาง และพญาไท มูลค่าโครงการรวม 2.1 หมื่นล้านบาท
ถือเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการพร้อมกัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ และกลายเป็นหนึ่งการผลักดันแห่งปีของแสนสิริ#SansiriBestYearEver รวมทั้งแบรนด์ที่เปิดตัวไปในปีนี้ของคอนโด 3 โครงการ 3 ทำเลภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต มูลค่ารวม 6.1 พันล้านบาท ทั้งเดอะ เบส สุขุมวิท 50, เดอะ เบส สะพานใหม่ และเดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต
นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านแสนสิริ พัฒนาการ บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่มียอดขาย 65% มูลค่า 3.6 พันล้านบาท ในระยะช่วง 3 เดือน
ตลาดต่างจังหวัดยังโตแรง 73%
ในตลาดต่างจังหวัดค่ายแสนสิริยังเติบโตถึง 73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งเติบโตขึ้น 30% จากยอดขายตลาดต่างจังหวัดในปีที่ผ่านมา เช่น เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต ที่ปิดการขายในวันแรกของการเปิดพรีเซล โครงการลา คาซิตา หัวหิน ที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดยาวนาน มียอดขาย 95% ใกล้ที่จะปิดการขาย รวมทั้งเอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา ที่มีการตอบรับจากคนไทยและกลุ่มต่างชาติ มียอดขายเกือบ 100% ส่วนคอนโดที่หาดใหญ่ก็มียอดขาย 75%
ตลาดต่างชาติยอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับตลาดต่างชาติ แสนสิริมียอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ 93% จากเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท ถือเป็นค่ายพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีส่วนแบ่งตลาดต่างชาติสูงที่สุด โดยมีแผนเปิดตัวในปีนี้ 29 โครงการ รวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้าย มีแผนเปิดตัวรับกับเป้าหมายใหม่ 5 หมื่นล้านบาท อีก 7 โครงการรวม 1.27 หมื่นล้านบาท คือ คอนโด 3 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์อีก 3 โครงการ