เส้นทาง “น้ำดื่มสิงห์” กับการสร้าง Brand Love ตอกย้ำคุณภาพ ควบคู่การดูแลสังคม-สิ่งแวดล้อม

 

การสร้างแบรนด์ที่ทำให้เกิด “Brand Love” ในใจของผู้บริโภคไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาสื่อสารทั้งจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แคมเปญทางการตลาด รวมถึงโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อแสดงให้เห็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) ออกมาอย่างชัดเจนและ “น้ำดื่มสิงห์” ก็เป็นอีกแบรนด์ตัวอย่างที่สามารถสร้างแบรนด์ จนผู้บริโภคจดจำได้ว่า น้ำดื่มสิงห์ไม่ได้เป็นแบรนด์น้ำดื่มคุณภาพเท่านั้นแต่ยังเป็นแบรนด์ที่ทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังด้วย

 

น้ำดื่มที่ต้อง Best Quality

“น้ำดื่มสิงห์” ยังคงเน้นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับหลักคิดและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารโดยคุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด เคยกล่าวเอาไว้ว่า

“บุญรอด เราไม่ compromise กับคุณภาพของสินค้าของเรา ผลิตภัณฑ์ของบุญรอดฯ ต้อง Best Quality เท่านั้น เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีให้เราตลอด 90 ปี”

คุณภาพของน้ำดื่มสิงห์ แสดงให้เราเห็นมาแล้วหลายปี โดยสื่อสารออกมาให้ผู้บริโภคได้รู้จักกับเทคโนโลยี “Smart Micro Filter” อย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีนี้คือเทคโนโลยี “ระบบกรองอัจฉริยะ” ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสามารถกรองและฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย แต่คงเหลือไว้ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังนับเป็นแบรนด์น้ำดื่มแบรนด์แรกๆที่สื่อสารจุดเด่นของโรงงานผลิตระบบปิดที่สร้างความมั่นใจเรื่องความสะอาดให้กับผู้บริโภคด้วยแนวคิด “ปิดเพื่อให้คุณเปิดเป็นคนแรก” ด้วย

 

แคมเปญช่วยกระตุ้นกระแสสังคมและสิ่งแวดล้อม

นอกจากเรื่องคุณภาพสินค้าแล้ว น้ำดื่มสิงห์ ยังมีแคมเปญดีๆ ที่สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์น้ำดื่มสิงห์ในฐานะแบรนด์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

 

 

“เกี่ยวช่วยโลก” – แคมเปญลดการใช้แล้วทิ้ง เป็นโครงการรณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำดื่มสิงห์บรรจุขวดแก้ที่สามารถ Reduce หรือลดการใช้แล้วทิ้ง ลดการใช้พลาสติดและลดการสร้างขยะได้ สามารถ Reuse นำกลับไปใช้ใหม่ผ่านการบวนการผลิตและการทำความสะอาดได้ และเมื่อขวดแก้วถูกใช้ไประยะหนึ่งแล้วก็ยังสามารถจะนำไป Recycle ผ่านกระบวนการทำลายเพื่อผลิตขวดแก้วใหม่ต่อไปได้ด้วย ดังนั้น น้ำดื่มสิงห์ จึงต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคเพิ่มปริมาณน้ำดื่มขวดแก้วในครัวเรือน และจับมือกับพันธมิตรเพื่อปลุกกระแสการรรับรู้ในวงกว้างเช่น บริษัทในเครือ โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร มหาวิทยาลัย ให้ใช้น้ำดื่มขวดแก้วเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า

 

 

“คืนดวงใจให้แม่” Return Heart to Home – เป็นอีกโครงการเพื่อสังคมที่น้ำดื่มสิงห์อยากมีส่วนร่วมให้น้ำดื่มสิงห์ขวดหนึ่งสามารถช่วยตามหาเด็กหายให้ได้กลับบ้านไปหาครอบครัว โดยน้ำดื่มสิงห์ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา จัดทำฉลากน้ำดื่มตามหาเด็กหายกระจายทั่วประเทศ เพื่อช่วยตามหาเด็กที่หายออกจากบ้านให้กลับคืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่และครอบครัว เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยสร้างการรับรู้ให้สังคมตระหนักถึงปัญหาเด็กหายว่ายังมีอยู่ในสังคมไทยในปัจจุบัน

 

ขวดน้ำสิงห์ 100% Recyclable

นอกจากกระบวนการผลิตแล้ว น้ำดื่มสิงห์ ยังไม่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์เป็นภาระหรือสร้างขยะเพิ่มให้กับโลก ดังนั้นจึงเลือกวัตถุดิบที่นำมาผลิตขวดพลาสติกด้วยพลาสติก PET 1 ที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น้ำดื่มสิงห์สื่อสารออกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยน้ำดื่มสิงห์ ยังได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน ISO มาตรฐานว่าด้วยระบบบริหารคุณภาพและระบบบริหารสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ขวดน้ำดื่มสิงห์จะสามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และ Up-Cycling เพื่อแปรสภาพไปเป็นใยสังเคราะห์สำหรับผลิตเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เพื่อการอุปโภคได้อีกด้วย

 

ช่วยโลกด้วยการออกแบบกับ Stackable Design

 

  

การออกแบบ ก็สามารถช่วยโลกได้และน้ำดื่มสิงห์ก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วกับ ขวดน้ำ 6 ลิตรแบบ Stackable Design ขวดน้ำที่ใช้เวลาวิจัยเป็นเวลายาวนานกว่า 3 ปี สามารถวางซ้อนกันได้ถึง 3 ชั้นแบบ LEGO ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้บริโภคในการจัดเก็บแล้วยังช่วยลดกระดาษในกระบวนการขนส่งลงได้มากกว่า 150 ตันต่อปี โดยผลงานออกแบบขวดน้ำ Stackable Design นี้เคยได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Thaistar packaging awards ภายใต้หัวข้อ “Sustainability for next normal…วิถีใหม่ ที่ยั่งยืน” ในหมวดหมู่การจัดส่งสินค้าเมื่อปี 2021 ด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางการสร้างแบรนด์ของ “น้ำดื่มสิงห์” ที่นอกจากการเป็นน้ำดื่มคุณภาพแล้วยังสามารถสะท้อนภาพแบรนด์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมออกมาได้อย่างชัดเจนนับเป็นอีกกลยุทธ์สร้างแบรนด์ที่ช่วยเสริมให้ภาพแบรนด์ “สิงห์” ที่ก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จกับการก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ในฐานะ “Global Brand” ไปแล้วด้วย Sport Marketing ให้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นในตลาดอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศไทยนั่นเอง