เป็นการเขย่าวงการธุรกิจรีเทลครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อ ‘สยามพิวรรธน์’ประกาศเปิดยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล ‘โลกคู่ขนาน’ สร้าง Ecosystem เชื่อมโลกออฟไลน์ – ออนไลน์ใหม่ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนแบบครบวงจร และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการขับเคลื่อนธุรกิจรีเทลเข้าสู่โลกแห่งอนาคต โดยแพลตฟอร์มใหม่นี้มีแผนจะเปิดตัวต้นเดือนธันวาคม 2564
ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจรีเทลที่ร้อนแรง บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ แตกต่างและเจ้าแห่งการสร้างประสบการณ์ครั้งแรกให้กับธุรกิจรีเทลในไทย ได้มีการขยับและปรับตัวทั้งเพื่อ ‘รับกระแส’ และ ‘นำเทรนด์’ การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องมาตลอด
ล่าสุดพร้อมเดินหน้าสู่ MarTech (Marketing Techonology) ด้วยการประกาศยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล ‘โลกคู่ขนาน’ สร้าง Ecosystem ออฟไลน์ – ออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มใหม่ ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน และเชื่อมธุรกิจรีเทลบนโลกคู่ขนานแห่งอนาคต เพื่อรุกตลาดช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 และตอกย้ำจุดยืน The Visionary Icon ‘ผู้นำแห่งวิสัยทัศน์’
“การระบาดของโควิด-19 บวกกับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ ผลักดันให้กระแสอีคอมเมิร์ซทะยานถึงขีดสุด ขณะเดียวกันลูกค้าก็คิดถึงการเลือกซื้อสินค้าในโลกออฟไลน์ ทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บนโลกทั้งสองใบนี้ไปพร้อมกัน เรียกได้ว่า การเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นดั่งโลกคู่ขนานได้หยั่งรากลึกลงในกลยุทธ์และแนวคิดของสยามพิวรรธน์” นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational และทำหน้าที่ในฐานะประธานบริหารสายงานนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าว
แพลตฟอร์มใหม่นี้ สยามพิวรรธน์ จะสร้างให้เป็น ‘ระบบนิเวศดิจิทัล’ แห่งความสำเร็จที่ยั่งยืน (Sustainable Ecosystem) และสมบูรณ์แบบมากที่สุด สำหรับตอบสนองความต้องการและเติมเต็มการใช้ชีวิตยุคใหม่ของลูกค้าแบบเฉพาะตัว รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ สร้างรายได้และส่งเสริมแบรนด์ของบรรดาคู่ค้า และพันธมิตรต่าง ๆ โดยกลยุทธ์ดิจิทัลนี้ประกอบด้วย 4 แกนหลัก ได้แก่
1.‘การผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย’ เป็น DNA และหัวใจความสำเร็จที่ดึงดูดลูกค้าและสร้างความแตกต่างให้กับสยามพิวรรธน์โดยแพลตฟอร์มใหม่นี้จะดึงแบรนด์ คู่ค้าระดับพรีเมียมและลักชัวรีมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่หลังจากการเปิดตัว Ultimate Chat & Shop เมื่อเมษายน 2564 ที่มีการระบาดโควิด-19 ระลอก 4 โดยพบว่า ลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในไทยเฉลี่ยถึง 9-10 เท่า
2.‘ชูธงสร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ’ ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน ผสานการสร้าง Loyalty Program กับลูกค้าทั้งออฟไลน์ – ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบ เพราะสยามพิวรรธน์เชื่อว่า การที่ลูกค้าให้มาจับจ่ายแบรนด์ต่าง ๆ ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เกิดจาก ‘ส่วนลด’ แต่เพราะแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์โปรด สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ลูกค้าต้องการอะไร เทรนด์ มิกซ์แอนด์แมตช์ หรือการดูแลตัวเองอย่างไร ฯลฯ โดยทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการสร้างคอมมูนิตี้เป็นสำคัญ
3.‘เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน’ แพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์ สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเชื่อมต่อโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ไว้ในมือคุณ ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่าง เงินซื้อไม่ได้ และได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งในอนาคตสยามพิวรรธน์มีแผนจะก้าวสู่ Metaverse เชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย
4.‘นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด’ ด้วยการยกระดับ Loyalty Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins ซึ่งเป็นสกุลเงินบนแฟลตฟอร์มใหม่ ให้ลูกค้านำไปใช้แทนเงินสดได้ ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิตให้สนุกไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้น
“สยามพิวรรธน์ จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในไทยและไม่กี่รายในโลกที่ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มรองรับคู่ค้าและมอบประสบการณ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะให้แก่ลูกค้า มากกว่าให้ส่วนลด ความมุ่งมั่นของเราคือเนรมิตประสบการณ์แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร ตอบรับความต้องการของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น พาลูกค้าเปิดโลกไปกับเทรนด์ใหม่ แบรนด์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมใหม่ตลอดทั้งปี ไปจนถึงมอบสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ที่คัดสรรมาเฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละราย” คุณอริยะเสริม
สร้าง ‘ระบบนิเวศดิจิทัล’ บุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่
อย่างที่บอกไปแพลตฟอร์มใหม่นี้จะเชื่อม ‘โลกคู่ขนาน’ ทั้งออฟไลน์ – ออนไลน์ ในรูปแบบใหม่ที่จะสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่ทุกฝ่ายในทุกมิติ การพัฒนาแพลตฟอร์มนี้สยามพิวรรธน์จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ ทั้ง ‘คู่ค้า’ เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์ ‘พันธมิตรด้านเทคโนโลยี’ สร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และ ‘อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง’ เพื่อสร้างคอนเทนต์สำหรับแต่ละคอมมูนิตี้
นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก ได้แก่
– ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ลูกค้าสามารถใช้ZIPMEX Token แลกเป็นสินค้าหรือบริการ พร้อมสร้างโปรแกรม CRM ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เสริมคุณค่าและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต
– ร่วมมือกับ KX เปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในการจัดทำ NFT Innovation Digital Wall ให้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด
– Perx Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ SaaS เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ให้กว้างขึ้นทั่วโลก ผ่าน Global Partners พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ของ Loyalty Program แบบ Personalized และเพิ่มความสนุกในการจับจ่ายผ่านเกมมิฟิเคชัน (Gamification)
ตามแผนที่วางไว้แพลตฟอร์มใหม่นี้จะมีการเปิดตัวประมาณต้นเดือนธันวาคม 2564 ชูธงด้านการสร้างคอมมูนิตี้ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ ตลอดจนมีบริการโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social and E-Commerce) และจะถูกต่อยอดสู่ฟินเทคในอนาคต
ผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่
อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาถือเป็นปัจจัยสำคัญ สยามพิวรรธน์จึงเน้นเรื่องการพัฒนาคน และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีม เพื่อได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเอง ตลอดจนมีโอกาสทำงานร่วมกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และสร้างผลงานที่เป็น Talk of the world ร่วมกัน
“เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์ คือผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่หลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ เราจึงผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ซึ่งเตรียมประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ พร้อมเสริมทัพคนดิจิทัลที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน” นายอักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าว
การประกาศยุทธศาสตร์ดิจิทัลของสยามพิวรรธน์ครั้งนี้ ไม่เพียงตอกย้ำจุดยืน The Visionary Icon ‘ผู้นำแห่งวิสัยทัศน์’ เท่านั้น ทว่ายังเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจรีเทลของไทยก้าวสู่ยุคใหม่ ยุคแห่งโลกคู่ขนาน