DealStreetAsia รายงานว่า “Shopee” ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในกลุ่มบริษัท “Sea Group” เตรียมเลิกจ้างพนักงานหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอินโดนีเซีย, ไทย และเวียดนาม ซึ่งการเลิกจ้างครั้งนี้ ทางบริษัทได้แจ้งผ่านอีเมล์ไปถึงพนักงานที่จะถูกเลิกจ้าง
นอกจากนี้แหล่งข่าว 2 แหล่งกล่าวกับ DealStreetAsia ว่า เกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานทีม “Shopee Payment” และ “Shopee Food” ในประเทศไทย จะถูกเลิกจ้างด้วยเช่นกัน
เวลานี้ “Shopee” กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ ทั้งจากปัญหาเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่กระทบต่อภาคธุรกิจค้าปลีกและการบริโภคซบเซาลง
ขณะเดียวกันยังไม่ประสบความสำเร็จในการบุกตลาดยุโรป, ลาตินอเมริกา และเอเชียใต้เท่าไรนัก โดย “Shopee” ที่ดำเนินงานอยู่ในโปแลนด์ และสเปน ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาดฝรั่งเศส หลังจากเข้าไปทำตลาดได้เพียง 5 เดือน แต่กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้
นอกจากนี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่ม Sea Group ยังได้ยุติธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดีย หลังจากเข้าไปทำตลาดได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของ “Sea Group” ไตรมาส 1/2022 รายได้รวมของทั้งกลุ่มบริษัท (GAAP Revenue) อยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 64.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรขั้นต้น อยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 81.3%
สำหรับธุรกิจ “Shopee” มีรายได้ (GAAP Revenue) 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 64.4% ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อโดยรวมอยู่ที่ 1.9 พันล้านออเดอร์ เพิ่มขึ้น 71.3% และมีมูลค่าการขาย (GMV) 17.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.7%
Shopee ประเทศไทยขาดทุนต่อเนื่อง
ขณะที่ผลประกอบการธุรกิจในประเทศไทย “บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด” จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่ายังคงอยู่ในสภาวะขาดทุน
– ปี 2562: รายได้ 1,986 ล้านบาท / ขาดทุน 4,745 ล้านบาท
– ปี 2563 รายได้ 5,812 ล้านบาท / ขาดทุน 4,170 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้ 13,322 ล้านบาท / ขาดทุน 4,972 ล้านบาท
จับตา “Tech Company” แห่ปลดพนักงาน – ระงับการจ้างงาน
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าจับตามองว่าเวลานี้บริษัทเทคโนโลยี (Tech Company) ทั้งสตาร์ทอัพ และยักษ์ใหญ่หลายรายเริ่มดำเนินการทำ Downsizing องค์กร ด้วยการเลิกจ้างพนักงาน และระงับการจ้างงานใหม่ออกไปก่อน เพื่อลดต้นทุนด้านคน ควบคู่กับการลดต้นทุนด้านอื่น อย่างก่อนหน้านี้ปรากฏข่าว Tech Company ยักษ์ใหญ่ เช่น
– Meta มีแผนชะลอการจ้างงานในตำแหน่งระดับกลางถึงอาวุโส หลังเผชิญกับการเติบโตรายได้ลดลงในไตรมาสแรกปี 2022
– Netflix เลิกจ้างพนักงาน 150 คน หลังจากยอดสมาชิก (Subscriber) ในไตรมาสแรก 2022 ลดลงกว่า 200,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่เสียฐานสมาชิก
– Tesla ระงับการจ้างงานทั่วโลกทั้งหมดชั่วคราวและเตรียมเลิกจ้าง เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เซี่ยงไฮ้ หลังรัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์ทั้งเมือง
– Twitter ประกาศชะลอการจ้างงานใหม่ออกไปก่อน และลดต้นทุนด้านอื่นๆ
หรือนี่อาจสะท้อนภาพที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ คือ เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ “Stagflation” (เศรษฐกิจชะงัก/ซบเซา และภาวะเงินเฟ้อสูง กระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค) และมีแนวโน้มที่หลายประเทศอาจต้องเจอกับสภาวะ “Recession” หรือเศรษฐกิจถดถอย!
ดังที่ World Bank ล่าสุดได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2022 มาอยู่ที่ 2.9% จากปีที่แล้วโต 5.7% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมกราคม เวลานั้นประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัว 4.1% พร้อมชี้ว่าโลกเผชิญความเสี่ยงสถานการณ์ “Stagflation” และสำหรับในหลายประเทศ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง
- อ่านเพิ่มเติม: ปรากฎการณ์ “Tech Company” เลิกจ้าง – ระงับการจ้างงาน สัญญาณเตือนเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกหรือไม่ ?