6 กลยุทธ์ “SF Cinema” รับธุรกิจโรงหนังฟื้น! อัดแน่นคอนเทนต์ทั้งปี – รุก Loyalty Program เจาะนักเรียน นักศึกษา

  • 182
  •  
  •  
  •  
  •  

SF Cinema

หลังจาก COVID-19 คลี่คลาย “ธุรกิจโรงภาพยนตร์” เริ่มกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปี 2022 ต่อเนื่องถึงปี 2023 สะท้อนได้จากความสำเร็จด้านรายได้ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ และการกลับมาดูหนังที่โรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น นี่จึงทำให้ 1 ใน 2 ผู้ประกอบการธุรกิจโรงภาพยนตร์ในไทย SF Cinema” (เอสเอฟ ซีเนม่า) วางกลยุทธ์เชิงรุกในปี 2023  และเตรียมความพร้อมสำหรับปี 2024 ที่คาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวกลับมาได้ทั้ง 100%

“ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาหลัง COVID-19 สำหรับแนวโน้มปี 2023 ทั้งในไทย และทางอเมริกาเอง คาดการณ์ว่าจะกลับมา 80% แม้จะยังไม่เท่ากับปี 2019 แต่มีปัจจัยบวกจากมีหนัง Mainstream หลายเรื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป จะมีหนังเข้าฉายต่อเนื่อง เช่น The Little Mermaid, Spider-Man, Transformers เพราะฉะนั้นสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นต่อเนื่อง” คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์ในไทยในปีนี้

SF
คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

เจาะลึก 6 กลยุทธ์ “SF Cinema” รับการฟื้นตัวธุรกิจโรงภาพยนตร์

สำหรับแผนธุรกิจของ “SF Cinema” ประกอบด้วย 6 กลยุทธ์คือ

1. อัดแน่นคอนเทนต์ “ภาพยนตร์” ทั้งฟอร์มยักษ์ และหนังนอกกระแสตลอดทั้งปี

หลังจากในปี 2022 เริ่มเห็นสัญญาณบวกการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลก รวมทั้งไทย จากหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉาย และประสบความสำเร็จทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น

– Top Gun: Maverick อยู่อันดับ 12 ของภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของโลก และสำหรับในไทย สามารถเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้นานถึง 12 สัปดาห์ พร้อมทั้งกวาดรายได้ไปมากกว่า 200 ล้านบาท

– Avatar The Way of Water สร้างสถิติภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของโลกเป็นอันดับที่ 3 เช่นเดียวกับในไทย โดยสามารถยืนโรงได้นานถึง 12 สัปดาห์ และกวาดรายได้มากกว่า 800 ล้านบาท

ในปี 2023 SF Cinemalineup ภาพยนตร์เข้าฉาย อัดแน่นทั้งหนังฟอร์มยักษ์ และหนังนอกกระแสตลอดทั้งปี เช่น

– The Little Mermaid (25 พฤษภาคม)

– Spider-Man: Across The Spider-Verse (31 พฤษภาคม)

– Transformers: Rise of The Beasts (7 มิถุนายน)

– The Flash (15 มิถุนายน)

– Elemental (22 มิถุนายน)

– Indiana Jones and the Dial of Destiny (28 มิถุนายน)

– Mission Impossible – Dead Reckoning Part One (12 กรกฎาคม)

– Barbie (20 กรกฎาคม)

– Oppenheimer (20 กรกฎาคม)

– Meg 2 (3 สิงหาคม)

– Gran Turismo (10 สิงหาคม)

– Blue Beetle (17 สิงหาคม)

– The Equalizer 3 (31 สิงหาคม)

– The Creator (28 กันยายน)

– Dune 2 (2 พฤศจิกายน)

– The Marvels (8 พฤศจิกายน)

– Trolls (30 พฤศจิกายน)

นอกจากภาพยนตร์ Mainstream หรือหนังกระแสหลักแล้ว “SF” ยังให้ความสำคัญกับหนังของผู้กำกับอิสระ หรือหนังนอกกระแส โดยจะถูกเข้าฉายผ่านโปรแกรม “SF Exclusive Movie หนังพิเศษสำหรับคนรักหนัง”  

SF

 

2. Alternative Content สร้างประสบการณ์ “ชมสด” คอนเสิร์ตแข่งกีฬาอีเว้นท์ ผ่านจอโรงภาพยนตร์

นิยาม “คอนเทนต์” สำหรับโรงภาพยนตร์ ไม่ได้จำกัดแค่ “ภาพยนตร์” เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคอนเทนต์ประเภทอื่นๆ ที่ใช้สถานที่โรงภาพยนตร์ เพื่อฉายผ่านจอโรงขนาดใหญ่ ด้วยคุณภาพระบบภาพ – ระบบเสียง, ที่นั่ง ความสะดวกสบาย และการให้บริการต่างๆ แก่ผู้เข้าชม

นับตั้งแต่เกิด COVID-19 ทำให้หลายธุรกิจต้อง Rethink โมเดลธุรกิจของตัวเอง “SF Cinema” ก็เช่นกัน หันมาให้ความสำคัญกับ Alternative Content ด้วน “Live Viewing at SF Cinema” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Live Concert ที่ถ่ายทอดสดจากสถานที่จัดงานคอนเสิร์ตจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลก ให้กับผู้ชมชาวไทยได้รับชมกันสดๆ ในโรงภาพยนตร์ SF, ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาแมทช์สำคัญ และ Live Event ต่างๆ

SF เริ่มต้นทำ Alternative Content ในช่วงแรกๆ คนยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์รับชมคอนเทนต์ถ่ายทอดสดในโรงภาพยนตร์มาก่อน โดยเราเริ่มจากถ่ายทอดสดกิจกรรมของศิลปิน AKB48 จากญี่ปุ่น ฉายที่ SF CentralWorld ต่อมาเรายังคงทำอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายสาขารับชม Alternative Content เพิ่มเป็นหลายสิบสาขา หลายร้อยโรง ซึ่งแต่ละ Live Content ประสบความสำเร็จ เช่น ถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต BTS

แม้ Alternative Content จะไม่ได้มีตลอดทั้งปี และรายได้ไม่ถึงกับรายได้หนัง แต่ Alternative Content ช่วยสร้างสีสันให้กับโรงภาพยนตร์ และเติมเต็มช่องว่างได้ เพราะจากวิกฤต COVID-19 ทำให้เราเรียนรู้ว่าไม่ควรรอว่าหนัง Mainstream จะเข้าเมื่อไร เราจึงทำ Alternative Content มากขึ้น”

Live Viewing at SF CINEMA

 

3. ร้างโรงภาพยนตร์รูปแบบใหม่ ยกระดับประสบการณ์ที่แตกต่าง

“ถ้าคอนเทนต์คือ Software โรงภาพยนตร์ก็คือ Hardware” คุณพิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพให้เห็นว่าทั้งคอนเทนต์ และโรงภาพยนตร์เป็นสิ่งที่คู่กัน

ดังนั้นในฐานะที่ SF Cinema ให้บริการโรงภาพยนตร์ การจะดึงผู้บริโภคมาใช้ดูหนัง นอกจากเสิร์ฟคอนทนต์หนังแล้ว ยังมีเรื่องของการยกระดับ Movie Experience หรือประสบการณ์การรับชมให้มีความพิเศษยิ่งขึ้น ควบคู่กับการขยายสาขา

ปัจจุบัน SF Cinema มี 66 สาขาใน 28 จังหวัด รวมกว่า 400 โรง สำหรับแผนด้านสาขาปี 2023 ยังไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่เน้นปรับปรุงโรงภาพยนตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว, สาขาเดอะมอลล์​ บางแค ด้วยงบรีโนเวท 150 ล้านบาท

โรงภาพยนตร์ NT FIRST CLASS CINEMA

ขณะที่โรงภาพยนตร์พิเศษ ปัจจุบัน SF Cinema พัฒนาหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความชอบและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เช่น

– สำหรับสายคนรักหนัง กับโรงภาพยนตร์ Zigma Cinestadium Presented by C2

ปัจจุบันมี 8 สาขา และเตรียมขยายเป็น 20 สาขาภายในปี 2024

– สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว กับโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema

ตอบโจทย์คนชอบความเป็นส่วนตัว ด้วยเทคโนโลยีจาก NT อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถสั่งป๊อปคอร์น และเครื่องดื่มได้ในขณะนั่งดูหนัง

– สำหรับคนชอบความสบาย กับโรงภาพยนตร์ The Bed Cinema by Omazz

สร้างประสบการณ์การนอนชมภาพยนตร์บนเตียงจาก Omazz ปัจจุบันมี 2 สาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์​ และเดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา ล่าสุดเตรียมเปิดสาขา 3 ที่ SFX Cinema เซ็นทรัล ลาดพร้าวเร็วๆ นี้

SF_The Bed Cinema by Omazz
โรงภาพยนตร์ The Bed Cinema by Omazz

 

4. รุก Loyalty Program ปรับโฉมบัตรสมาชิก SF+ มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เจาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา

อีกหนึ่งกลยุทธ์หลักของ SF คือ Loyalty Program ด้วยบัตรสมาชิก “SF+” โดยปัจจุบันมีฐานสมาชิก 1.2 ล้านราย ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1.5 ล้านรายในปี 2023 มาจาก 2 กลยุทธ์คือ

– ภาพยนตร์ที่เข้าฉายในโรง SF

– ส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่มอบให้กับสมาชิก ปีนี้ได้มีการปรับปรุงระบบสมาชิกให้ตอบโจทย์ทุกคนมากยิ่งขึ้น ด้วยคอนเซ็ปต์ “SF+ พวกเราพลัสแล้ว คุณพลัสยัง สมัครฟรี! รับทันทีตั้งแต่พลัสแรก” โดยสมาชิก SF+ สามารถรับสิทธิ์สะสมจำนวนหนังได้ตั้งแต่เรื่องแรกที่รับชม เพื่อแลกรับ Reward หรือของรางวัล ซึ่งสามารถสะสมได้สูงสุด 100 เรื่อง

SF

รวมถึง “พลัส” ส่วนลดเพิ่มเติมด้วยการซื้อแพ็กเกจได้ตามความสนใจ และตามช่วงอายุวัยที่กำหนด เพื่อให้สมาชิกได้รับส่วนลดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน – นักศึกษา

– กลุ่มนักเรียน – นักศึกษา มี Kids Package (สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 7 – 11 ปี) และStudent Package (สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 12 – 22 ปี ดูหนังราคาเริ่มต้น 69  บาทในวันจันทร์ – พุธ 69 บาท /  วันพฤหัสบดี – ศุกร์ 79 บาท / เสาร์ – อาทิตย์ 99 บาท

– ลูกค้ากลุ่ม General (สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 23 – 59 ปี) ​รับส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ 30 บาทต่อที่นั่ง

– ลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุ มี Senior Package (สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป)​ ดูหนังเริ่มต้น 79 บาทในวันจันทร์ – พุธ / วันพฤหัสบดี – ศุกร์ 89 บาท / เสาร์ – อาทิตย์ 109 บาท

“เราอยากให้นักเรียน นักศึกษามาใช้บริการมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วน 40% เราต้องการเพิ่มเป็น 50% จึงได้ออกแพ็กเกจสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ ดูหนังเริ่มต้น 69 บาท เชื่อว่าจะเป็นกลยุทธ์ดึงคนกลับมาใช้บริการโรงภาพยนตร์มากขึ้น และสมัคร SF+ เพิ่มขึ้น”

SF

 

5. ชู Collaboration ทำโปรเจคพิเศษ

นอกจากนี้ SF Cinema ยังไดใช้กลยุทธ์ Collaboration จับมือกับพาร์ทเนอร์ในธุรกิจต่างๆ เพื่อร่วมกันทำโปรเจคพิเศษ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า

– ต่อยอดความสำเร็จกิจกรรม “เปิดความซ่า ท้าให้ลอง” ให้ลูกค้าเอาภาชนะอะไรก็ได้มาใส่ป๊อปคอร์นกลับบ้านให้จุใจ หลังจากจัดขึ้นในปีที่แล้วที่โรงภาพยนตร์ SF เซ็นทรัลเวิลด์ ปรากฏว่าได้การตอบรับมหาศาล จนกลายเป็นปรากฏการณ์ Talk of the town ปีนี้จึงเดินหน้ากิจกรรมนี้ต่อเนื่อง โดยขยายผลจัดที่โรงภาพยนตร์ SF ทั่วประเทศ

– SF x After Yum ร่วมพัฒนาป๊อปคอร์นรสใหม่ “รสไก่ทอดซอสยำปู” ถือเป็นครั้งแรกของ SF ที่จับมือพันธมิตรร่วมกันครีเอทรสชาติใหม่ให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ SF ยังได้พูดคุยกับอีกหลายแบรนด์ เพื่อทำโปรเจค Collaboration มากขึ้น

SF x COKE
กิจกรรม SF x COKE

 

6. เปิดตัว “FRIENDS OF SF” ตัวแทนสื่อสารแบรนด์ SF

SF ได้เปิดตัว “FRIENDS OF SF” 4 คน คือ เต-ตะวัน วิหครัตน์, นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์, เจมีไนน์-นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ และ โฟร์ท-ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล ที่จะมาเป็นตัวแทนของ SF สื่อสารเรื่องราวของ SF ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยความสนุกสนานและจริงใจ ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์โฆษณา ที่จะเผยแพร่ให้รับชมผ่านช่องทางออนไลน์และที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2023 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังได้จัดทำ SF SUPER FRIENDS PACKAGE แพ็กเกจดูหนังสุดคุ้มราคาพิเศษ ซึ่งเตรียมจำหน่ายเพียง 10,000 ชุดเท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดทางโซเชียลมีเดียของ SF ได้เร็วๆ นี้

SF_FRIENDS OF SF

SF

“ปี 2023 เราจะฟื้นกลับมาที่ 80% ด้วยยอดขายตั๋ว 13 ล้านใบ และมีรายได้รวมกว่า 3,000 – 4,000 ล้านบาท เนื่องจากหนังในช่วงไตรมาส 1 ยังไม่ perform แต่นับตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปมี line up หนังมากขึ้น และกระแสคนกลับมาดูหนังที่โรงภาพยนตร์มากขึ้น

ดังนั้นเราเชื่อมั่นว่าปี 2024 จะกลับมาได้ 100% ด้วยยอดขายตั๋ว 18 ล้านใบ ซึ่งเท่ากับก่อนเกิด COVID-19 และตั้งเป้ารายได้กว่า 5,000 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนหลักคือ คอนเทนต์” คุณสุวิทย์ สรุปทิ้งท้าย

SF
คุณพิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

  • 182
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ