หากใครเคยดูซีรีส์ หรือไปประเทศญี่ปุ่น คงคุ้นเคยกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น ที่มักจะอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม ที่มีการออกแบบโดยให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วันและจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ราบน้อย จึงต้องใช้พื้นที่ที่มีให้เกิดประโยชน์ที่สุดสำหรับในประเทศไทยตอนนี้ก็ไม่ต่างกันสังเกตได้จากไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เริ่มหันมาอยู่คอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้น โจทย์สำคัญของผู้ออกแบบที่อยู่อาศัย จึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยภายใน ทำอย่างไรให้ผู้อยู่อาศัยไม่อึดอัด และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น
ล่าสุด บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของไทย ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ผู้มีความชำนาญด้านพัฒนาอสังหาฯ ในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 100 ปีจากประเทศญี่ปุ่นจัดตั้ง บริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ร่วมกัน นำร่องเปิดคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า 2 โครงการมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาทเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ได้แก่ Niche Pride เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์และ Niche MONO สุขุมวิท-แบริ่ง มีแผนเปิดตัวในไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้พร้อมเปิดตัว “Geo fit+” (จีโอ ฟิต พลัส) แนวคิดการสร้างที่อยู่อาศัยจากวิธีคิดแบบคนญี่ปุ่น
คุณริวอิจิ โมโรโทมิ ประธาน บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด เผยเหตุผลในการตัดสินใจร่วมทุนกับ SENA ว่า เมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงกว่า และวิถีชีวิตการพัฒนาถิ่นฐานของคนไทยคล้ายกับคนญี่ปุ่น ตรงที่คนต่างจังหวัดทยอยเข้ามาอยู่ในตัวเมืองมากขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยกลุ่มบริษัทฮันคิว จึงพร้อมนำประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยกว่า 60,000 ยูนิต และคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ “จีโอ” กว่า 20,000 ยูนิตในประเทศญี่ปุ่น มาพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบในไทย โดยยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น
ด้าน ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า การร่วมมือในครั้งนี้เกิดจากการที่ทั้งสองบริษัทมีแนวคิดการทำงานสอดคล้องกัน จับกลุ่มลูกค้ากลางและบนเหมือนกัน จึงทำให้ตัดสินใจและลงมือทำได้อย่างรวดเร็ว บริษัทฯ ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างคุณค่าให้โครงการและที่อยู่อาศัยแนวใหม่ในไทย ภายใต้แนวคิด “Geo fit+” มาตรฐานการออกแบบและพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยเริ่มต้นปีนี้ 2 โครงการ ได้แก่ Niche Pride เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ และ Niche MONO สุขุมวิท-แบริ่ง
Geo fit+ แนวคิดการสร้างที่อยู่อาศัยแบบคนญี่ปุ่น
ในประเทศญี่ปุ่น ทางฮันคิวฯ ได้จัดตั้งแล็บ Geo fit+ เพื่อพัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัย โดยฟังเสียงจากลูกค้าและผู้อยู่อาศัย เพื่อเก็บข้อมูลและนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป เบื้องต้นข้อมูลที่ได้จาก Geo fit+ มาจากแบบสอบถามกว่า 10,000 คนที่ทำขึ้นโดยคนญี่ปุ่นเป็นหลัก ข้อมูลคนไทยทางเสนาก็มีอยู่บ้างพอสมควรแต่คราวนี้เราได้เริ่มเอาวิธีวิจัยข้อมูลแบบเป็นระบบเหมือน Geo fit+ มาปรับใช้ต่อไปก็จะมีเยอะขึ้นตัวอย่างคำถามที่ใช้ เช่น ปัญหาที่พบในการใช้ชีวิตประจำวัน พื้นที่ที่ต้องการปรับเปลี่ยน หรืออยากให้โครงการปรับปรุง-พัฒนาตรงไหน เป็นต้น
จากการเก็บข้อมูลของ SENA พบว่า เมื่อเทียบกับคนญี่ปุ่นที่ใช้พื้นที่ 70-75 ตร.ม. ต่อ 1 ยูนิต คนไทยใช้พื้นที่น้อยกว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือ การจัดสรรพื้นที่ภายใน ทำอย่างไรให้ใช้ได้คุ้มค่าที่สุด ทั้งนี้ Geo fit+ ไม่ใช่การสำรวจครั้งเดียวจบ แต่เป็นการเก็บข้อมูลระยะยาว ตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่ จนถึงหลังเข้าอยู่อาศัยแบ่งได้ 4 มิติ ดังนี้
1. Geo Day (จีโอเดย์) ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวัน แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ในห้องครัว ระหว่างทำอาหารเมื่อน้ำมันกระเด็นใส่ผนัง วัสดุที่ใช้ต้องเช็ดและทำความสะอาดคราบน้ำมันได้ง่าย หรือในห้องน้ำ จากที่เคยวางของรกๆ หน้ากระจก โครงการจึงออกแบบชั้นวางของที่รองรับการใช้งานของทุกคนในครอบครัว
2. Geo Eco (จีโออีโค่) นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในห้องพัก เพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น นำน้ำมันทอดอาหารกลับมาใช้ใหม่ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักของปีนี้ SENA มีแผนจะติดแผงโซลาร์เซลล์ในทุกโครงการ
3. Geo Age (จีโอเอจ) อย่างที่ทราบกันว่า ตอนนี้ญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การออกแบบที่อยู่อาศัยจึงต้องรองรับคนส่วนนี้เช่น การติดตั้งปลั๊กไฟให้สูงขึ้น เพื่อความสะดวกในการใช้งานและไม่ต้องก้ม หรือมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพักผ่อน
4. Geo Sonae (จีโอ โซนาเอะ) เนื่องด้วยญี่ปุ่นมักจะเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยๆ ทางโครงการจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อความปลอดภัย สำหรับประเทศไทยที่ไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยเท่าญี่ปุ่น การเตรียมพร้อมจึงมาในรูปแบบของการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ เช่น มีห้องพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำต้องฝึกช่วยชีวิตเบื้องต้นได้ หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เปลพยาบาลต้องเคลื่อนย้ายได้สะดวก
นอกจากนี้ SENA ยังได้เปิดตัว Branding ของ Geo fit+ จากฮันคิว ให้เป็น Trustmark หรือตราสัญลักษณ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและตอกย้ำความเชี่ยวชาญของฮันคิวที่สั่งสมมากว่า 100 ปี โดยโลโก้ Geo fit+ จะอยู่ในทุกโครงการที่เสนาและฮันคิวทำร่วมกัน รวมถึงส่วนต่างๆ ของโครงการ หรือองค์ประกอบในห้องที่พัฒนาภายใต้แนวคิดนี้
แม้ปีนี้ภาพรวมการแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ยังคงดุเดือดไม่แพ้ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า ทั้งจากผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่ที่เข้ามา บวกกับกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว ผู้บริโภคจึงมีทางเลือกมากขึ้น การแข่งขันในเวลานี้จึงไม่ใช่แค่โลเคชั่นดี และราคาไม่แพง แต่ต้องแข่งขันกันด้วยบริการหลังการขาย ดร.เกษรา หรือที่เรารู้จักกันในนาม ดร.ยุ้ย กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งคือ ความละเอียดใส่ใจ ด้วยวิธีคิดแบบใช้ หัวคิด-หัวใจ สไตล์เสนา เมื่อรวมกับแนวคิด Geo fit+ ทำให้เราเชื่อมั่นว่าจะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากกว่า ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายระยะยาวของบริษัทฯ คือ การเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ในทุกโครงการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการต่อไปและคาดว่า Geo fit+ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันแบรนด์ และยอดขายให้เติบโตอย่างมั่นคง”
จากที่กล่าวมาทั้งหมด หากใครยังนึกภาพไม่ออก ให้เริ่มดูจากคอนโดฯ นำร่องที่เสนา และฮันคิว ทำร่วมกันในปีนี้คือ คอนโด นิช โมโน สุขุมวิท- แบริ่ง ที่ได้นำแนวคิด Geo fit+ มาใช้ในส่วนต่างๆ และเตรียมจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sena.co.th/register/niche-mono-sukhumvit-bearing