หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา ได้สร้าง Talk of the town ในวงการอสังหาฯ บ้านเรา กับการจับมือร่วมลงทุนกันระหว่าง‘บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)’ และ ‘บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น’ ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด’ พร้อมประเดิมความร่วมมือด้วยการเปิด 2 โครงการ ได้แก่ ‘นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง’ และ ‘นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์’ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า
มาปีนี้ทั้งสองพาร์ทเนอร์ประกาศรุกตลาดอสังหาฯ ในไทยครั้งใหม่ในการร่วมกันพัฒนา 7 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยทยอยเผยรายละเอียดแล้ว 2 โครงการ นั่นคือ ‘ปีติ เอกมัย ลักชูรี่’ คอนโดมิเนียม โครงการแรกของเสนาฯ มีมูลค่าโครงการ 5,000-6,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมย่านบางนา มูลค่า 2,200 ล้านบาท
ความยิ่งใหญ่ ‘พร๊อพเพอร์ตี้คอร์ปเปอเรชั่น’
‘บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น’ เป็นหนึ่งบริษัทในเครือ ‘ฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป’ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 100 ปี ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย ระบบขนส่งในเมือง, อสังหาริมทรัพย์, เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และการสื่อสาร ธุรกิจโรงแรม, ท่องเที่ยว และการขนส่งระหว่างประเทศ มีฐานที่มั่นของธุรกิจอยู่ที่เขตคันไซ ใน 3 เมืองหลัก อย่างเกียวโต, โอซาก้า และโกเบ มีรายได้รวมทั้งกรุ๊ป เมื่อปีที่ผ่านอยู่ประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท
โดยอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจที่ทางฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ปให้ความสำคัญ เนื่องจากมองว่า เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มได้ในอนาคต ซึ่งนอกจากในญี่ปุ่นแล้ว ได้มีการขยายการลงทุนในธุรกิจนี้ไปยัง 5 ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
มั่นใจเศรษฐกิจไทย–ความแข็งแกร่งของพาร์ทเนอร์
สำหรับไทย ทสึเนะโอะ วาคาบายาซิ ประธาน บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์อันดับต้น ๆ ที่ทางฮันคิวฯ มีการลงทุนมากที่สุดเพราะเชื่อมั่นในเรื่องเศรษฐกิจ เห็นได้จาก GDP ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4% และปีนี้คาดว่า จะขยับไปที่ 5% จากแรงส่งที่รัฐบาลได้เปิดตัวโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
นอกจากนี้ การที่คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากเป็นอีกประเด็นที่ทำให้ฮันคิวฯ วางให้ไทยเป็นตลาดที่สำคัญ และเริ่มเข้ามาลงทุนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยการจับมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง ‘บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)’ ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ ‘บริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด’
“เสนาฯ กับเรามีปณิธานการทำธุรกิจเหมือนกัน คือให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลสำคัญมากสำหรับเรา ที่จะทำให้ทำงานร่วมกันเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน” ทสึเนะโอะกล่าวถึงเหตุผลที่เลือกเสนาฯเป็นพาร์ทเนอร์ในการบุกตลาดอสังหาฯในไทย
1+1 ต้องได้มากกว่า 2
ขณะที่ทาง ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือกับทางฮันคิวฯเป็นในลักษณะ Project Base ที่ทำให้เกิด win-win synergy มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความได้เปรียบในหลายเรื่องเงินทุนที่ทำให้สามารถพัฒนาโครงการได้มากขึ้น และเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
ที่สำคัญ คือ Knowhow ที่จะได้เรียนรู้และร่วมมือกันพัฒนาสำหรับนำมาใช้สร้างโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการและการใช้ชีวิตของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกัน ซึ่ง Knowhow ที่น่าสนใจของฮันคิวฯ อาทิเช่น
‘Geo fit Plus’ (Geo fit+) แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง และเน้นการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้อยู่อาศัยโดยแยกออกเป็น 4 มิติ ได้แก่ Geo days ฟังก์ชั่นตอบสนองทุกการใช้ชีวิตประจำวัน Geo eco การนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงานมาใช้ อาทิ การนำโซลาร์เซลล์มาใช้ในโครงการ ฯลฯ
Geo Age การจัดฟีเจอร์ให้เหมาะสมกับคนทุกวัย และ Geo sonae การเตรียมพร้อมเพื่อความปลอดภัยของการอยู่อาศัย เนื่องจากญี่ปุ่นแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีหลายวิธีคิดมากเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้ยังมี ‘Geo fit+ Lab’ การพัฒนานวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยที่เน้นรับฟังเสียงลูกค้า ด้วยการให้ลูกค้าทำแบบสอบถามว่า อะไรในโครงการต้องปรับปรุงหรือทำให้ดีขึ้นจากนั้นจะทำห้องแล็บจำลองที่อยู่อาศัย ให้ลูกค้าหลายเจนเนอเรชันมาทดสอบ ซึ่งการทดสอบดังกล่าวจะทำกับกลุ่มลูกค้าหลายพันราย และไม่ใช่ one off ทำครั้งเดียวแล้วเลิก แต่จะทำไปเรื่อยๆ เพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
“Geo fit+ นำมาใช้ใน 2 โครงการที่เปิดไปแล้ว คือ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง และนิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า และในอนาคตเราก็เตรียมนำนวัตกรรมอีกหลายตัวของฮันคิวฯเข้ามา เช่น Future Life เป็นการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาพัฒนาในโครงการ อาทิ AI ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและการใช้ชีวิตของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”
ปี 61 วางแผนลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทใน 7 โครงการ
ด้วยแนวคิดที่ตรงกันบวกกับความสำเร็จจากโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ จึงเป็นที่มาให้ในปี 2561 ทางเสนาฯและฮันคิวฯ ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่เพื่อบุกตลาดอสังหาฯในไทยต่อเนื่อง โดยจะร่วมลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ 7 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาทที่ทยอยเผยรายละเอียดทีละนิดแล้วมี 2 โครงการ ได้แก่
โครงการ ‘ปีติ เอกมัย’ ซึ่งเป็นลักชูรี่ คอนโดมิเนียม โครงการแรกของทางเสนาฯ ที่รวมมูลค่า 5,000 – 6,000 ล้านบาท คาดว่า จะเปิดตัวในเดือน ก.ค. 2561 โครงการคอนโดมิเนียมย่านบางนา มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท ที่เตรียมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
เริ่มจากปรัชญาชีวิตเรียบง่าย ที่เรียกว่า “IKIGAI” การสร้างจุดมุ่งหมายและเรียนรู้การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร หรือ เราทำสิ่งนั้นเพราะอะไร ในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมา สิ่งเหล่านี้แหละเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้เราอยากมีชีวิตให้ยาวนานยิ่งขึ้น
Ikigai ปรัชญาของคนญี่ปุ่นที่โด่งดังในย่านโอกินาว่า ย่านที่ผู้คนมีความสุขและอายุยืนกว่ามาตรฐานชาวโลก โดยความหมายของคำว่า Iki หมายถึง ชีวิต และ Kai หมายถึงคุณค่าของชีวิต เมื่อรวมกัน คำว่า Ikigai จึงหมายถึง “การมองหาคุณค่าและความสุขจากการใช้ชีวิต” เป็นแนวคิดที่ช่วยให้เรารู้จักมองโลกในแง่ดี เปิดรับความสุขจากสิ่งเล็กน้อยรอบตัว หลักปรัชญานี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับชีวิตประจำวันอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับสิ่งรอบตัวเราได้เช่นกัน อย่างโครงการคอนโดใหม่ที่เสนาร่วมกับฮันคิว ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปรัชญาและนำมาประยุกต์ใช้กับโครงการ
และที่นี่ “ปีติ เอกมัย” เราเปลี่ยน “พื้นที่อยู่อาศัย” เป็น “พื้นที่ชีวิต” เพื่อให้ทุก ๆ moment ของทุกวันในการใช้ชีวิตที่มีความสุขและมีคุณค่า
ร่วมเปิดสัมผัสประสบการณ์ใหม่ครั้งแรก “SENA Online Booking” ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์จองก่อนใครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 2 ส.ค. 61 พร้อมเปิดจองจริงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ตั้งแต่เที่ยงวัน – 22.00 น.ที่ www.onlinebooking.sena.co.th สอบถามเพิ่มเติมโทร.1775
ทางประธาน บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้คอร์ปเปอเรชั่น คาดหวังว่า จากประสบการณ์การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยที่ยอดเยี่ยมของเสนาฯ บวกกับประสบการณ์ของฮันคิวฯ จะทำให้ความร่วมมือกันในการพัฒนาร่วมกันพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ขึ้นมา และได้รับการตอบรับที่ดีตลอดไป
ขณะที่หัวเรือใหญ่ของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) อย่าง ผศ.ดร.เกษรา มองว่า ความร่วมมือกับทางฮันคิวฯ นอกจากได้เรียนรู้ Knowhow และร่วมมือเพื่อเติบโตไปด้วยกันแล้ว ยังถือเป็นการสร้าง s-curve ใหม่ในการยกระดับรายได้ของบริษัทให้เติบโตแบบเท่าตัวในปี 2563 คือ มีรายได้ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท