การขยายความร่วมมือทางธุรกิจถือเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งและความสำเร็จ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ วันนี้ SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์) ในฐานะธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของไทยจะประกาศความร่วมมือกับ Julius Baer (จูเลียส แบร์) ผู้ดำเนินธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์กิ้งชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้คำปรึกษากลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง สร้างโอกาสใหม่ให้กลุ่มธุรกิจ Wealth Management
กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในไทยเติบโตสูง
ในประเทศไทยมีกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโต 12.7% ในปี 2559 และเติบโค 13.3% ในปี 2560 คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ราว 9,500 ล้านบาท
เลือกพาร์ทเนอร์โกลบอลแบรนด์ จดทะเบียนด้วยทุน 1,800 ล้านบาท
“ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Going Upside Down ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตให้ SCB และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการธุรกิจแบบไพรเวทแบงก์กิ้งของเราได้เป็น 2 เท่า ภายใน 2-3 ปีตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ ซึ่งจากจะดำเนินการจัดตั้งบริษัทโดยคาดว่าอาจใช้เวลาราว 7-9 เดือนเพื่อดำเนินงานและสามาถจัดตั้งบริษัทได้เสร็จสิ้นภายในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,800 ล้านบาท และคาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมจะสามารถเริ่มให้บริการและดำเนินการหาลูกค้าควบคู่กัน ภายใต้การบริหารงานโดยทีมงานชุดใหม่ไม่ใช่ทีมงาน SCB” คุณอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
สำหรับจูเลียส แบร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2433 ปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารความมั่งคั่งใน 25 ประเทศทั่วโลก มีสาขาราว 50 แห่ง และมีมูลค่าบริษัทรวม 388,000 ล้านสวิสฟรังก์ (ราว 13 ล้านล้านบาท)
ขยายโอกาสสู่ผู้ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 100 ล้านบาท
การ Joint Venture จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำภาพการให้บริการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ผ่านการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยสัดส่วน 60% เป็นของ SCB และ 40% เป็นของจูเลียส แบร์ โดยสำนักงานจะอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการขยายโอกาสให้ SCB และจูเลียส แบร์ สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการใช้บริการไพรเวทแบงก์กิ้งในระดับย่อยไม่ใช่โกลบอลไพรเวทแบงก์กิ้ง ซึ่งอาจเป็นกลุ่มคนที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปและต้องการใช้บริการระยะยาว ขณะที่บริการไพรเวทแบงก์กิ้งของ SCB นั้นให้บริการกับลูกค้าที่มีสินทรัพย์มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป
คุณเบอร์นฮาร์ด โฮดเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า จากประสบการณ์ในการบริหารความมั่งคั่งของจูเลียส แบร์ ซึ่งมีเครือข่ายจำนวนมาก รวมถึงโอกาสจากชื่อเสียงและเครือข่ายของ SCB ในประเทศไทย เราจึงมั่นใจว่าความร่วมมือในการดำเนินงานครั้งนี้จะเป็นความร่วมมือแบบเอ็กซ์คลูซีฟครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในภูมิภาค และทำให้ตลาดผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น ตอบโจทย์การลงทุนในต่างประเทศ การขยายพอร์ตการลงทุนใหม่ๆ ภายใต้ความเชี่ยวชาญของทีมงาน SCB และจูเลียส แบร์ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินและการลงทุนแก่ลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง.